(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้าสวิงแดนลบตามตลาดทั่วโลก หลังตัวเลขส่งออกจีนออกมาไม่ดี

นอกจากนี้ ตลาดหุ้นทั่วโลกก็ได้มีการเทรดกันใน valuation ที่สูง โดยตลาดสหรัฐฯเทรด P/E 16 เท่า ตลาดในเอเชียไม่รวมญี่ปุ่นเทรด P/E 11 เท่า หลัก ๆ มาจากจีน ซึ่งถ้าไม่รวมจีนจะมีการเทรดที่แต่ละตลาดในเอเชียเกาะกลุ่มกันที่ P/E 13 เท่า ส่วนตลาดหุ้นไทยตอนนี้ก็เทรด P/E 13.6 เท่า ดังนั้นคงจะเห็น upside ที่จำกัด ซึ่งก็คงจะขึ้นไม่เกิน 1,400 จุด

อีกทั้ง เมื่อวานนี้จะเห็นได้ว่ากลุ่มเทคโนฯในตลาดสหรัฐฯโดนขายหนัก หลังประกาศผลกำไรออกมาไม่ดี ทำให้ดัชนี NASDAQ ปรับตัวลงไปค่อนข้างมาก

ดังนั้น จะเห็นได้ว่าตลาดหุ้นไทยในช่วงสั้นยังมีความเสี่ยงที่จะถูก take profit ออกมา พร้อมให้แนวรับ 1,380 ถัดไปก็เป็น 1,360-1,350 จุด ส่วนแนวต้านให้ไว้ที่ 1,400-1,433 จุด

ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน :

• ตลาดหุ้นนิวยอร์คเมื่อวานนี้(10 เม.ย.)ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 16,170.22 จุด ลดลง 266.96 จุด (-1.62%) ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 1,833.08 จุด ลดลง 39.10 จุด(-2.09%),ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 4,054.11 จุด ลดลง 129.79 จุด(-3.10%)
• ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้านี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 272.32 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 3.93 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 36.16 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 47.97 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 23.33 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 15.03 จุด และดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 4.67 จุด
• ตลาดหุ้นไทยปิดเมื่อวานนี้(10 เม.ย.)ที่ 1,389.56 จุด เพิ่มขึ้น 7.54 จุด(+0.55%)
• นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 826.11 ล้านบาท เมื่อวันที่ 10 เม.ย.57
• ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน พ.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด(10 เม.ย.)ที่ 103.4 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 20 เซนต์หรือ 0.2%
• ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด(10 เม.ย.)ที่ 6.20 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
• เงินบาทเปิด 32.32/33 อ่อนค่าตามภูมิภาค หลังข้อมูลศก.สหรัฐฯออกมาดี
• สศอ.ชี้เป็นผลจากมาตรการปฏิรูป มั่นใจฟื้นตัวไตรมาส 2, ธปท.จับตาเศรษฐกิจจีนเพื่อประเมินผลกระทบ หลัง"ส่งออก-นำเข้า"หดตัวกว่าคาด ด้านสศอ.ยังมั่นใจส่งออกไปจีนฟื้นตัวไตรมาส 2 ตามการฟื้นตัวตลาดโลก ขณะนายกฯจีนย้ำยังไม่ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ
• บมจ.ท่าอากาศยานไทย(ทอท.)เปิดเผยว่า ตั้งแต่วันที่ 9-18 เม.ย.นี้ จะมีผู้โดยสารใช้บริการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ดอนเมือง เชียงใหม่ แม่ฟ้าหลวง เชียงราย หาดใหญ่ และภูเก็ต รวมกว่า 2.73 ล้านคน มีเที่ยวบินให้บริการทั้งสิ้น 1.84 หมื่นเที่ยวบิน เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 15% โดยได้เพิ่มความเข้มข้นในการรักษาความปลอดภัยทุกแห่ง
• เจพีมอร์แกนคาดกำไรสุทธิ 9 แบงก์ไทย ไตรมาส 1 ปีนี้อยู่ที่ 5 หมื่นล้านบาท ลดลง 2% จากงวดเดียวกันปีก่อน เหตุสินเชื่อหด คุณภาพสินทรัพย์ในธุรกิจค้าปลีกกับ เอสเอ็มอีเสื่อมถอย ภาวะต้นทุนการเงินพุ่ง พร้อมคาดผลตอบแทนจากหุ้นกลุ่มแบงก์ 16%สอดคล้องโบรกไทยคาดกำไรวูบ 5.4% ชูกสิกรไทยโตสวนทาง ด้านแบงก์ชาติ ยันภาพรวมธนาคารยังแข็งแกร่ง ขณะที่พบแบงก์ใหญ่โยนบิ๊กล็อตคึกคัก
• ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยเพื่อตลาดทุน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.)เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดหุ้นไทยในช่วงไตรมาส 1 ปีนี้ เริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติมากขึ้น โดยดัชนีปิดตลาดที่ระดับ 1,376.26 เพิ่มขึ้น 5.97% จากสิ้นปี 2556 ผลจากนักลงทุนต่างชาติได้เริ่มกลับมาซื้อสุทธิในตลาดหุ้นไทยในเดือน มี.ค. เพราะคลายกังวลปัญหาเสถียรภาพเศรษฐกิจของกลุ่มประเทศเกิดใหม่ และสถานการณ์การเมืองไทยที่ผ่อนคลาย หลังยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ขณะที่กำไรบริษัทจดทะเบียน(บจ.)เติบโตต่อเนื่อง
• ธปท.ระบุเงินบาทแข็งค่าตลอดสัปดาห์นี้ผลจากเงินดอลลาร์อ่อนค่า เพราะเครื่องชี้ภาวะเศรษฐกิจต่ำกว่าตลาดคาดการณ์ รวมถึงรายงานการประชุม FED ยังคงผ่อนคลายนโยบายต่อเนื่องไปอีก มั่นใจแบงก์ไทยแข็งแกร่งพอรองรับปัจจัยเสี่ยงต่างๆได้เหตุกันสำรองและเงินกองทุนสูง
• สรรพสามิตยันประชาชนได้คืนภาษีรถคันแรกครบทุกรายแม้มีเงินแค่ 9 พันล้าน ระบุส่วนของปีหน้าไม่มีปัญหา เพราะสามารถคุยกับสำนักงบฯดึงงบมาใช้ได้เลยไม่ต้องผ่าน ครม.ชี้ใช้แค่ 1.5 หมื่นล้าน ต่ำกว่าที่ประเมินไว้ 2.5 หมื่นล้าน เหตุมีผู้สละสิทธิ์กว่าหมื่นราย

*หุ้นเด่นวันนี้

• TTCL(เคเคเทรด)"ซื้อ"เป้า 39 บาท จากงานในมือ 2.6 หมื่นล้านบาท และมีงานใหม่รอเซ็นสัญญาปี 57 อีกราว 3 หมื่นล้านบาทมองว่าผลงานปี 57-58 จะเพิ่มขึ้นโดดเด่นสุดในกลุ่มฯ ประเมินรายได้ในปี 57 และ 58 จะเพิ่มขึ้น 30% และ 20% YoY ตามลำดับ รวมทั้งประเมินกำไรสุทธิปี 57 และ 58 เพิ่มขึ้น 42% และ 36% YoY ตามลำดับ การก่อสร้างและลงทุนในโรงไฟฟ้าถ่านหิน 1,000 MW ในพม่าคาดสรุป มิ.ย.57 และมีสัดส่วนงานต่างประเทศถึง 88% ช่วยสนับสนุนราคาหุ้นในระยะสั้น
• MODERN(เคเคเทรด)"ซื้อ"เป้า 11 บาท ผลขายหุ้น MFEC จำนวน 61.98 ล้านหุ้นที่ราคา 10.70 บาท สูงกว่ามูลค่าตามบัญชี MFEC ราว 2.6 เท่า จะได้เงินเข้ามาราว 663 ล้านบาท ประเมินมีโอกาสรับรู้กำไรพิเศษหลังหักภาษีราว 216 ล้านบาท คิดเป็นมูลค่าต่อหุ้นราว 0.27 บาท และมีโอกาสจ่ายเงินปันผลพิเศษเพิ่มขึ้นจากเดิมที่สูงอยู่แล้วโดยเฉลี่ยราว 6-7% และการได้รับเงินจากการขายหุ้นช่วยรองรับแผนขยายธุรกิจทั้งแนวราบและธุรกิจอื่น
• BECL(กรุงศรี)"ซื้อ"เป้า 48 คาดรายได้ทางด่วนยังโต YoY จากการปรับขึ้นค่าผ่านทาง และจากบริษัทร่วมที่ส่งผ่านกำไรเพิ่มขึ้นผลักดันผลประกอบการ 1Q57 โตได้ทั้ง QoQ และ YoY ประมาณการกำไรก่อนรายการพิเศษ 1Q57 ที่ระดับ 597 ล้านบาท (+82%QoQ, +16%YoY) และมีโอกาสเติบโตต่อเนื่องในไตรมาสที่เหลือของปี โดยเฉพาะช่วง 2H57 จากการที่ CKP รับรู้กำไรจากธุรกิจโรงไฟฟ้าเต็มที่ พร้อมให้มูลค่าพื้นฐานใหม่ที่ 48 บาทเพิ่มขึ้น 7% จากเดิมสะท้อนการปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 57 ขึ้นตามกำไรจากบริษัทร่วมที่เพิ่มขึ้น
• GUNKUL(ฟินันเซีย ไซรัส)"ซื้อ"คาดกำไรปกติ 1Q14 +5% Q-Q (ตามรายได้ขายอุปกรณ์ในพม่าที่เพิ่มขึ้น) และโตก้าวกระโดด 283% Y-Y จากการรับรู้รายได้จากการก่อสร้างโรงไฟฟ้า BCP 460 ล้านบาท และรับรู้รายได้โรงไฟฟ้าแสงอาทิตย์ 27MW เต็มไตรมาส แนวโน้มกำไรดีต่อเนื่องใน 2Q14 เริ่มรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้า Gas Engine 25MW ในพม่า คาดกำไรปกติทั้งปีโตก้าวกระโดด 189% Y-Y เพราะงานก่อสร้างโรงไฟฟ้าแสงอาทิตย์กว่า 1 พันล้านบาทที่เลื่อนจากปีก่อนมารับรู้ในปีนี้ รวมทั้งรับรู้ฯโรงไฟฟ้าในพม่าเพิ่ม 1 โรง ราคาเป้าหมายก่อน XD 19 บาท เป้าหมายหลัง XD 14.25 บาท