สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) สรุปภาวะตลาดตราสารหนี้ไทยวันนี้ มีมูลค่าการซื้อขายรวม 99,440 ล้านบาท โดยประเภทของตราสารที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุด คือ พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย โดยมีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 77,053 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 77.5% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมดที่เกิดขึ้นในวันนี้ ลำดับถัดมาคือ พันธบัตรรัฐบาล มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 17,323 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 17.4% ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 1,196 ล้านบาท หรือคิดเป็น 1.2% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมด
สำหรับ พันธบัตรรัฐบาล รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุดในวันนี้คือ พันธบัตรรุ่น LB196A, LB176A และ LB236A (รุ่นอายุ 5.2 ปี, 3.2 ปี และ 9.2 ปี ตามลำดับ) โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 11,817 ล้านบาท หรือคิดเป็น 68% ของมูลค่าการซื้อขายพันธบัตรรัฐบาลทั้งหมด ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. หุ้นกู้ของธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) (BAY164A) มูลค่า 300.4 ล้านบาท
2. หุ้นกู้ของธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) (BAY174A) มูลค่า 140.3 ล้านบาท
3. หุ้นกู้บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) (CPALL193B) มูลค่า 100.6 ล้านบาท
โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 541.3 ล้านบาท หรือคิดเป็น 45.2% ของมูลค่าการซื้อขายหุ้นกู้เอกชนทั้งหมดในวันนี้
ทางด้านประเภทของนักลงทุน ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุดเป็น 2 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. กลุ่มบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 26,906 ล้านบาท
2. กลุ่มสถาบันการเงินที่ไม่มีใบอนุญาตเพื่อค้าตราสารหนี้ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 4,801 ล้านบาท
ในขณะที่นักลงทุนต่างชาติ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 5,380 ล้านบาท
ผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 3 เดือน ปิดที่ 2.05% ไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากเมื่อวาน และผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปี ปิดที่ 3.21% ปรับตัวลดลงจากเมื่อวาน -0.01%
Yield Curve ค่อนข้างนิ่ง ปรับลดลงเล็กน้อย ประมาณ 1 bp. ล่าสุดตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ Jobless Claims ปรับลดลงต่ำสุดในรอบ 7 ปี มาอยู่ที่ 300,000 ราย เทียบกับการคาดการณ์ของตลาดที่ 320,000 ราย แสดงถึงแนวโน้มตลาดแรงงานสหรัฐฯ ที่เริ่มฟื้นตัว ส่งผลต่อ Global Sentiment ในเชิงบวก โดยตลาดรอติดตามดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน เม.ย. ของสหรัฐฯ ที่จะประกาศออกมาคืนนี้ สำหรับนักลงทุนต่างชาติ วันนี้มียอดซื้อสุทธิ (NET BUY) เท่ากับ 5,380 ล้านบาท