อย่างไรก็ตาม งบลงทุนในช่วง 5 ปี (ปี 57-61) ที่ตั้งไว้จำนวน 3.27 แสนล้านบาทก็ยังไม่เปลี่ยนแปลง
โดยโครงการวางท่อก๊าซเส้นที่ 4 ได้ชะลอไป เนื่องจากผู้รับเหมาในโครงการนี้ขาดสภาพคล่อง ทำให้การดำเนินโครงการหยุดชะงักไป แต่ก็จะเร่งการวางท่อก๊าซไปจ.นครสวรรค์
"เราปรับการลงทุนให้เป็นไปตามภาวะเศรษฐกิจ ไตรมาส 2 เป็นไตรมาสที่ต้องระมัดระวัง การใช้ไฟฟ้าการเติบโตน้อย โอกาสการลงทุนในประเทศคงจำกัด เพราะไม่มีรัฐบาล ในช่วง downturn ของเศรษฐกิจ โครงการผ่านไปได้จำกัด ...วันนี้ เราต้องการข่าวดีทางการเมือง" นายสุรงค์ กล่าว
ทั้งนี้ คาดว่าภาวะเศรษฐกิจในประเทศจะกลับมาดีขึ้นในไตรมาส 4 จากที่คาดว่าจะชะลอตัวต่ำมากในไตรมาส 2 และไตรมาส 3 โดยคาดหวังจากธุรกิจจะฟื้นตัวจากการท่องเที่ยว หลังจากที่ไทยพลาดโอกาสในไตรมาสแรกซึ่งจากปัญหาการเมืองทำให้นักท่องเที่ยวหายไป
ในไตรมาสแรกที่ผ่านมาความต้องการใช้ก๊าซและน้ำมันลดลง เพราะในช่วงเดือนม.ค.-ก.พ.มีอากาศหนาวเย็นขึ้น จึงทำให้ความต้องการลดลง แต่ขณะนี้กลับมาใช้มากกขึ้นเพราะอากาศร้อน
นายสุรงค์ กล่าวว่า การลงทุนของบริษัทจะเน้นเรื่องผลตอบแทน การลงทุนเป็นไปอย่างมีคุณภาพ เป็นไปตามกลยุทธ์ของบริษัท ที่ BIG, LONG และ STRONG รวมทั้งเน้นการลงทุนสินค้าที่ไม่ใช้สินค้าโภคภัณฑ์ แต่จะใช้นวัตกรรมในการผลิตสินค้า รวมทั้งการปรับปรุงประสิทธิภาพโรงกลั่น ได้แก่ โรงกลั่นไทยออยล์
ปัจจุบัน บริษัทมีเงินสดในมือประมาณ 5-6 หมื่นล้านบาท ถือว่าเป็นช่วงที่มีสภาพคล่องสูงพอสมควร และในช่วงครึ่งปีหลังคาดว่าจะเสนอขายหุ้นกู้ในประเทศราวกว่า 2 หมื่นล้านบาทเพื่อทดแทนหุ้นกู้ที่ครบกำหนด ส่วนเงินกู้ ปัจจุบันมีอยู่ 3.5 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ มีต้นทุนการเงินเฉลี่ย 4.6%
นายสุรงค์ คาดว่าในปลายไตรมาส 3/57 ปตท.เตรียมความพร้อมนำบริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (GPSC) เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ แต่ขึ้นกับจังหวะตลาดอาจจะเป็นไตรมาส 4/57 ก็ได้ นอกจากนี้ ในปีนี้คาดว่า บริษัท โรงกลั่นสตาร์ปิโตรเลียม (SPRC) จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เช่นกัน ดังนั้น ปตท. มีโอกาสที่จะมีกำไรพิเศษจากการนำหุ้นของทั้งสองบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์
อนึ่ง PTT ถือหุ้นใน GSPC สัดส่วน 30.10% ส่วนโรงกลั่นสตาร์ฯ ปตท.ถือหุ้น 36%
อย่างไรก็ตาม ในปีนี้ นายสุรงค์คาดว่า ปตท.ยังต้องแบกรับภาระการขาดทุนจากธุรกิจก๊าซ NGV และ ก๊าซ LPG รวมกันคาดว่าจะขาดทุนไม่น้อยกว่าปีก่อนที่มีผลขาดทุนจาก 2 ธุรกิจนี้ รวม 3 หมื่นล้านบาท จากธุรกิจก๊าซ NGV ประมาณ 2 หมื่นล้านบาท และ ก๊าซ LPG ประมาณ 1 หมื่นล้านบาท