สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) สรุปภาวะตลาดตราสารหนี้ไทยวันนี้ มีมูลค่าการซื้อขายรวม 57,311 ล้านบาท โดยประเภทของตราสารที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุด คือ พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย โดยมีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 30,889 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 53.9% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมดที่เกิดขึ้นในวันนี้ ลำดับถัดมาคือ พันธบัตรรัฐบาล มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 24,504 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 42.8% ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 1,595 ล้านบาท หรือคิดเป็น 2.8% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมด
สำหรับ พันธบัตรรัฐบาล รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุดในวันนี้คือ พันธบัตรรุ่น LB196A, LB176A และ LB21DA (รุ่นอายุ 5.2 ปี, 3.2 ปี และ 7.7 ปี ตามลำดับ) โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 17,070 ล้านบาท หรือคิดเป็น 70% ของมูลค่าการซื้อขายพันธบัตรรัฐบาลทั้งหมด ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. หุ้นกู้บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) (CPALL243B) มูลค่า 166.2 ล้านบาท
2. หุ้นกู้มีประกันของบริษัท โตโยต้า ลีสซิ่ง(ประเทศไทย) จำกัด (TLT155A) มูลค่า 162.5 ล้านบาท
3. หุ้นกู้ของบริษัท น้ำตาลมิตรผล จำกัด (MPSC156A) มูลค่า 153.1 ล้านบาท
โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 481.7 ล้านบาท หรือคิดเป็น 30.2% ของมูลค่าการซื้อขายหุ้นกู้เอกชนทั้งหมดในวันนี้
ทางด้านประเภทของนักลงทุน ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุดเป็น 2 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. กลุ่มบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 7,729 ล้านบาท
2. กลุ่มสถาบันการเงินที่ไม่มีใบอนุญาตเพื่อค้าตราสารหนี้ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 1,339 ล้านบาท
ในขณะที่นักลงทุนต่างชาติ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 1,045 ล้านบาท
ผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 3 เดือน ปิดที่ 2.04% ปรับตัวลดลงจากเมื่อวาน -0.01% และผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปี ปิดที่ 3.19% ปรับตัวลดลงจากเมื่อวาน -0.02%
Yield Curve ปรับลดลงในตราสารอายุ 3 ปีขึ้นไป ประมาณ 1-3 bps. นักลงทุนยังคงติดตามภาวะเศรษฐกิจโลก ล่าสุดตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ โดยเฉพาะดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือน มี.ค.ปรับเพิ่มขึ้น 0.2% (MoM) หรือ 1.5% (YoY) และ ตัวเลข GDP ไตรมาส 1/57 ของจีนขยายตัวได้ร้อยละ 7.4 ดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ ซึ่งส่งผลต่อ Global Sentiment ในเชิงบวก สำหรับนักลงทุนต่างชาติ วันนี้มียอดซื้อสุทธิ (NET BUY) เท่ากับ 1,045 ล้านบาท