ทั้งนี้ เป็นผลจากเศรษฐกิจจีนที่ออกมาดีกว่าคาด จากตัวเลข GDP ของจีนที่ดีกว่าคาด และเศรษฐกิจของสหรัฐฯก็ดีขึ้นด้วย รวมทั้งประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด)ก็ยังเดินหน้านโยบายอัตราดอกเบี้ยต่ำในสหรัฐฯ ซึ่งตรงนี้เป็นเหตุหลักที่ทำให้โมเมนตัมเป็นบวก จากที่คนกล้าที่จะเข้ามาลงทุนมากขึ้น และเงินก็ไหลเข้าเอเชียมากขึ้น
ส่วนปัจจัยการเมืองในประเทศช่วงนี้ก็คงจะยังไม่ได้มีอะไร แต่ก็ให้ติดตามการประกาศผลประกอบการงวดไตรมาส 1/57 ของกลุ่มแบงก์ที่เริ่มทยอยประกาศออกมากันแล้ว
พร้อมให้แนวรับ 1,394-1,388 จุด ส่วนแนวต้าน 1,410-1,420 จุด และแนะให้เลือกเล่นเป็นรายตัว
ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน :
- ตลาดหุ้นนิวยอร์คเมื่อวานนี้(16 เม.ย.)ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 16,424.85 จุด เพิ่มขึ้น 162.29 จุด (+1.00%) ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 1,862.31 จุด เพิ่มขึ้น 19.33 จุด(+1.05%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 4,086.23 จุด เพิ่มขึ้น 52.07 จุด(+1.29%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้านี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ ลดลง 21.73 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 162.78 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 18.41 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 8.26 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 4.32 จุด และดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 2.03 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 3.83 จุด, ดัชนี Jakarta Composite ตลาดหุ้นอินโดนีเซียเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 24.19 จุด
ส่วนตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ ปิดทำการวันนี้(17 เม.ย.)เนื่องในวันพฤหัสก่อนวันอีสเตอร์
- ตลาดหุ้นไทยปิดเมื่อวานนี้(16 เม.ย.)ที่ 1,401.84 จุด เพิ่มขึ้น 12.68 จุด (+0.91%)
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 264.26 ล้านบาท เมื่อวันที่ 16 เม.ย.57
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด(16 เม.ย.)ที่ 103.76 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 1 เซนต์
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด(16 เม.ย.)ที่ 5.84 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
- เงินบาทเช้านี้ 32.20/22 แนวโน้มแข็งค่า นลท.ทยอยขายดอลล์ต่อเนื่อง
- กองทุนเทมเพิลตัน เอเชียน โกรท ฟันด์ ของนายมาร์ค โมเบียส ซึ่งเป็นกองทุนรวมหุ้นที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย มียอดเงินลงทุนไหลออกสูงเป็นประวัติการณ์ในไตรมาสเดือนม.ค.-มี.ค.ปีนี้ ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่านักลงทุนกำลังสูญเสียความเชื่อมั่นในตัวนายโมเบียส ซึ่งเป็น ผู้เชี่ยวชาญในตลาดเกิดใหม่
- นักวิเคราะห์คาดเศรษฐกิจจีนเข้าสู่เสถียรภาพ หลังเปิดเผยตัวเลขจีดีพีไตรมาสแรกโต 7.4% เชื่อรัฐบาลจีนพอใจ ฟันธงไร้มาตรการกระตุ้นครั้งใหญ่ ขณะตลาดหุ้นทั่วโลกทะยานขึ้น เช่นเดียวกับค่าเงินเอเชียแข็งค่า
- หอการค้าไทย ประเมิน "ส่งออก-ท่องเที่ยว" ทิศทางดีและยังไม่ติดลบ แต่ไม่ช่วยให้เศรษฐกิจโตได้ตามเป้าหมาย เหตุปัจจัยการเมืองกดดัน ส่งผล"การลงทุน-การใช้จ่าย"ชะลอ หวั่นเป็นสัญญาณอันตรายกดจีดีพีทั้งปีโตต่ำกว่า 1% "กสิกร"มองการเมืองส่งผลแรงต่อเศรษฐกิจไทยใกล้เข้าสู่ภาวะถดถอย หวังครึ่งปีหลังหวังพึ่งการเมืองนิ่ง เศรษฐกิจต่างประเทศฟื้น แต่ต้องระวังเงินเฟ้อเพิ่ม
- นายสุทธิชัย สังขมณี อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยว่า กรมสรรพากรคาดว่าปีงบประมาณ 2557 จะจัดเก็บภาษีได้ต่ำกว่าเป้า 7% หรือจัดเก็บได้ 1.76 ล้านล้านบาท จากเป้า 1.89 ล้านล้านบาท เนื่องจาก 6 เดือนแรกของปี ยอดจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากการนำเข้าลดลง 1.8 หมื่นล้านบาทหรือ 11% ทำให้ยอดจัดเก็บภาษีทั้งหมดช่วง 6 เดือนได้ 7.05 แสนล้านบาท ต่ำกว่าประมาณการ 2.3 หมื่นล้านบาทหรือลดลง 3%
- สรรพากรเผยผู้ประกอบการรายใหญ่ทั้งในตลาดหลักทรัพย์และนอกตลาดเป็นกลุ่มเป้าหมายที่กรมฯจะเข้าไปรีดภาษีในช่วงครึ่งหลังของปี หลังประเมินภาพรวมทั้งปีจัดเก็บต่ำเป้า 7.1% และครึ่งแรกของปี ต่ำเป้าไปแล้ว 2.3 หมื่นล้านบาทคิดเป็น 3% เหตุสำคัญจากปัญหาการเมืองที่ยืดเยื้อ พร้อมนำระบบไอทีเข้ามาช่วยขยายฐานภาษีทั้งบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล
- ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รายงานปริมาณการให้บริการเช็คเรียกเก็บทั่วประเทศล่าสุด ในสิ้นเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา พบว่า ทั่วประเทศมีเช็คเรียกเก็บรวมทั้งสิ้น 6.66 ล้านฉบับ เทียบกับระยะเดียวกันปีก่อน 6.38 ล้านฉบับ เพิ่มขึ้น 2.79 แสนฉบับ หรือ 4.37% โดยเช็คทั้งหมดมีมูลค่ารวม 3.12 ล้านล้านบาท เทียบกับระยะเดียวกันปีก่อน 3.48 ล้านล้านบาทลดลง 3.62 แสนล้านบาท หรือ 10.4%
- นายสุรพล โอภาสเสถียร ผู้จัดการใหญ่บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ (เครดิตบูโร) เผยสถานการณ์ในภาพรวมของผู้ประกอบธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม(เอสเอ็มอี) เริ่มมีปัญหาการค้างชำระหนี้ในเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา เพิ่มสูงขึ้น 30% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แสดงให้เห็นว่า เอสเอ็มอีเริ่มประสบปัญหาสภาพคล่องทางธุรกิจและยอดขายสินค้าที่ลดลงตามสถานการณ์ทางเศรษฐกิจและปัญหาการเมืองในประเทศ
- "เชาว์ เก่งชน"กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เปิดเผยว่าปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองที่ยืดเยื้อได้ส่งผลกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจไทยอย่างแรง ทำให้เกิดแรงกดดันต่อการใช้จ่ายในประเทศไตรมาสแรก ทั้งการใช้จ่ายภาคครัวเรือน การใช้จ่ายภาครัฐ การลงทุนรวม และนักท่องเที่ยวต่างประเทศอยู่ในภาวะที่หดตัวทั้งหมด ขณะที่การส่งออกขยายตัวใกล้เคียง 0%
*หุ้นเด่นวันนี้
- GLOBAL(เคเคเทรด)"ซื้อ"เป้า(รวมหุ้นปันผล) 16.30 บาท มองการปรับตัวลดลงของราคาหุ้นราว 50% ในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมาตอบสนองต่อความเป็นไปได้ที่ยอดขายสาขาเดิม(SSSG) จะติดลบราว 5-6% ต่อเนื่องจากใน 4Q56 ไปแล้ว ขณะที่เราประเมินว่าผลการดำเนินงานของบริษัทได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วตั้งแต่ 4Q56 โดยที่ใน 1Q56 กำไรธุรกิจปกติจะฟื้นตัว 14% QoQ ตามฟื้นตัวของ Gross margin จากสัดส่วนยอดขายสินค้ากลุ่มตกแต่งเพิ่มขึ้น และให้น้ำหนัก SSSG เริ่มเห็นการฟื้นตัวตั้งแต่ 2Q57 เป็นต้นไปจากปัจจัยฤดูกาลและฐานต่ำใน 2H56 ปัจจุบันราคาหุ้นซื้อขายที่ระดับ PEG ปี 2557 ที่ 0.9 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 1.2 เท่าของ 4 บริษัทที่ศึกษา
- AP(เคเคเทรด)"ซื้อ"เป้า 6.70 บาท ประเด็นเก็งกำไรของหุ้นกลุ่มบ้านในระยะสั้น จะอยู่ที่โอกาสปรับลดดอกเบี้ยนโยบายในการประชุม กนง.ในสัปดาห์หน้า(23 เม.ย.57)(แม้ว่าจะคาดว่าสุดท้าย กนง. จะคงดอกเบี้ย) ขณะที่ในส่วนของจะมีปัจจัยหนุนระยะสั้นจากผลการดำเนินงานในไตรมาสที่ 1 ที่เราคาดว่าบริษัทจะมีกำไรสุทธิราว 380-400 ล้านบาท เพิ่มขึ้นราว 50% YoY และการจ่ายเงินปันผลงวดปี 2556 ที่ 0.25 บาท/หุ้น (Dividend Yield ราว 4.6%) ซึ่งจะขึ้นเครื่องหมาย XD 7 พ.ค.2557 ปัจจุบันราคาหุ้นซื้อขายที่ระดับ PER เพียง 7 เท่า ยังคงต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่ม 10 เท่า
- KCE(เมย์แบงก์ กิมเอ็ง)"ซื้อ"เป้า 39.70 บาท คาดผลประกอบการ 1Q57 จะทำระดับสูงสุดใหม่ทั้งรายได้ และกำไร จากคำสั่งซื้อของลูกค้าที่ยังแน่นต่อเนื่อง และคาดว่าจะทำระดับสูงสุดใหม่อีกอย่างน้อย 2 ไตรมาสข้างหน้า และจะยังเป็นหุ้นเติบโตสูงอีกในช่วง 3-4 ปีข้างหน้า จากโรงงานใหม่ที่ทยอยสร้างรายได้ต่อเนื่อง ผลของกำไร 1Q57 ดีกว่าคาดไว้เดิม จึงปรับประมาณการกำไรปกติขึ้น 21% และให้เป็นหุ้น top pick ของกลุ่ม
- PTT, EA, SPCG, GUNKUL(ทรีนีตี้)มองเป็นหุ้นที่จะได้รับประโยนช์จาก ค่าไฟ-LPG ครัวเรือนพาเหรดขึ้นราคา โดยนายกสมาคมผู้ค้าแก๊สปิโตรเลียมเหลว กล่าวว่า ในวันที่ 1 พ.ค.นี้ ราคาแอลพีจีภาคครัวเรือนจะปรับขึ้นอีกกิโลกรัมละ 50 สตางค์ จะส่งผลให้ราคาแอลพีจีครัวเรือนมีการปรับขึ้นรวมแล้ว 4.50 บาทต่อกิโลกรัม โดยราคาจะอยู่ที่ 22.63 บาทต่อกิโลกรัม นอกจากนี้ประธานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน คาดว่า วันที่ 21 เม.ย. จะมีการประชุมพิจารณาต้นทุนค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ (FT) มีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นหลังจากต้นทุนเฉลี่ยสูงขึ้น