ที่ผ่านมาบริษัทสามารถทำกำไรเติบโตต่อเนื่องทุกปี โดยในปี 56 มี อัตรากำไรเบื้องต้นอยู่ที่ 14% และคาดว่าในปีนี้อัตรากำไรเบื้องต้นจะมีแนวโน้มสูงขึ้น ตามสัดส่วนการปรับลดการว่าจ้างผลิต(OEM)ที่เดิมมีสัดส่วน 25% และกำลังจะลดลง เนื่องจากโรงงานเฟส 2 จะก่อสร้างแล้วเสร็จในช่วงปลายไตรมาส 2/57 และจะส่งผลให้บริษัทมีกำลังการผลิตแบบขวดเพิ่มขึ้นเป็น 1,000 ล้านขวดต่อปี และ 200 ล้านกล่องต่อปี(จากเดิม 600 ล้านขวดต่อปี และ 200 ล้านกล่องต่อปี)
นอกจากนั้น บริษัทยังมีแผนเดินหน้าขยายธุรกิจในต่างประเทศเพิ่มเติมเพื่อเตรียมพร้อมการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน(AEC)ในปี 58 ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างศึกษาโอกาสในการลงทุนเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนใน อนาคต
อนึ่ง ผลประกอบการปี 56 ICHI มีรายได้จากการ ขาย 6,484 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,577 ล้านบาท (เติบโต 65.96 %) มีกำไรสุทธิ 884 ล้านบาท (ไม่รวมรายการจากอุทกภัยและการดำเนินงานที่ยกเลิก) เพิ่มขึ้น 578 ล้านบาท (เติบโต 188.89%)
"มั่นใจว่าหุ้น ICHI จะ ได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดีจากนักลงทุนจนยืนเหนือราคาจอง ส่วนหนึ่งเชื่อว่าราคาขาย IPO 13 บาทเป็นราคาที่น่าสนใจ โดยราคาดังกล่าวคิดเป็นส่วนลดให้กับนักลงทุนถึง 36% อีกทั้งได้รับความสนใจจากนักลงทุนมียอดจองหุ้นจนล้นเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ บริษัทมีนโยบายจะจ่ายเงินปันผลตอบแทนให้กับผู้ถือหุ้นอย่างต่อเนื่องในอัตราไม่ต่ำกว่า 40% ของกำไรสุทธิ สร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนทำให้เข้ามาซื้อหุ้นในกระดานเพิ่มเติมเพื่อลงทุนหวังผลตอบแทนในระยะยาว ที่สำคัญที่สุดคือทีมบริหารมั่นใจหลังเข้าทำการซื้อขาย ICHI จะไม่ทำให้ผู้ลงทุนผิดหวัง"นายตัน กล่าว
นายตัน กล่าวเสริมว่า กลุ่มผู้ถือหุ้นเดิมและผู้บริหารท่านอื่นมีความตั้งใจจะถือหุ้นทั้งหมดในระยะยาวและไม่มีแผนจะลดสัดส่วนการถือหุ้นอย่างแน่นอน โดยกลุ่มตนเองและนางอิง ภาสกรนที ภรรยา คือกลุ่มผู้ถือหุ้นเดิมรายใหญ่สุดที่มีสัดส่วนการถือหุ้น 60.4% ตามเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์ฯ ปริมาณหุ้นที่ต้อง silent ช่วง Silent Period ขั้นต่ำ 55% โดยหุ้นของกลุ่มตนเองและภรรยา 51.0% ติด Silent Period ถูกห้ามขายเป็นระยะเวลา 1 ปี ส่วนอีก 4% ที่เหลือที่ติด Silent Period เป็นของผู้บริหารอื่น
ทั้งนี้ ICHI เสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนแก่ประชาชนครั้งแรก (IPO) จำนวน 300 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 1 บาท หรือคิดเป็น 23.1% ของจำนวนหุ้นทั้งหมดภายหลังการเสนอขายหลักทรัพย์ ปัจจุบันบริษัทมีทุนจดทะเบียน 1.3 พันล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 1.3 พัน ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท โดยเป็นทุนชำระแล้วจำนวน 1 พันล้านบาท
ส่วนเงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้จำนวน 3,900 ล้านบาทจะนำไปขยายโรงงานเฟส 2 และเป็นเงินหมุน เวียนในธุรกิจ จำนวน 1,400 ล้านบาท ชำระหนี้เงินกู้กรรมการและสถาบันการเงินจำนวน 2,500 ล้านบาท