ในไตรมาส 1/57 ธนาคารดำเนินงานด้วยความรอบคอบระมัดระวังในสถานการณ์เศรษฐกิจที่ไม่แน่นอน โดยเฉพาะการขยายสินเชื่อเป็นไปด้วยความระมัดระวังมากขึ้น ทำให้สินเชื่อขยายตัวเพียงเล็กน้อยในไตรมาสนี้เพียง 1,200 ล้านบาท หรือ 0.3% จากสิ้นเดือนธันวาคม 56 ขณะที่ปริมาณเงินฝากยังคงเพิ่มขึ้นได้ดีประมาณ 29,000 ล้านบาทหรือ 5.5% โดยเป็นเงินฝากที่เพิ่มจากทั้งลูกค้าเงินฝากรายย่อยในผลิตภัณฑ์เงินฝากที่มีผลตอบแทนดี เช่น เงินฝากไม่ประจำ (No Fixed) และบัญชีเงินฝากใน ME การธนาคารรูปแบบใหม่ รวมทั้งเงินฝากเพื่อธุรกรรมทางการเงิน (Transactional Banking Account) ซึ่งธนาคารให้ความสำคัญอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ จากการเติบโตของสินเชื่อที่น้อยและเมื่อประกอบการลดดอกเบี้ยในตลาด ทำให้ส่วนต่างรายได้ดอกเบี้ย (Net Interest Margin) ลดลงเป็น 2.87% จาก 2.95% จากไตรมาส 1/56 แต่รายได้ดอกเบี้ยรับสุทธิ (Net Interest Income) ยังเพิ่มขึ้น 6%
รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยในไตรมาสนี้ลดลง 10% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 1 ของปีที่แล้ว ซึ่งส่วนใหญ่มาจากการลดลงของค่าธรรมเนียมจากการขายกองทุนเนื่องจากภาวะตลาดไม่เอื้ออำนวยและการลดลงของค่าธรรมเนียมเกี่ยวกับสินเชื่อเนื่องจากธนาคารชะลอการปล่อยสินเชื่อแก่ลูกค้าใหม่ ในขณะที่ค่าธรรมเนียมธุรกรรมต่างประเทศ (Trade Finance) ปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อย ส่งผลให้รายได้รวมจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเพียง 1% ขณะที่ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นจากการปรับเพิ่มขึ้นตามปกติของค่าใช้จ่ายพนักงาน ค่าใช้จ่ายอาคารสาขา และค่าใช้จ่ายการตลาด ทำให้กำไรของธนาคารในไตรมาสนี้ปรับตัวลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 1 ของปีที่แล้ว
ในปี 57 นี้ธนาคารให้ความสำคัญกับการเติบโตอย่างมีคุณภาพและความมั่นคงของธนาคารเป็นหลัก โดยยังคงมุ่งเน้นการขยายฐานลูกค้าเงินฝากธุรกรรมทางการเงินอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามธนาคารได้ปรับเป้าหมายของการขยายสินเชื่อลงเหลือประมาณ 6-8% และพยายามรักษาคุณภาพสินทรัพย์ให้อยู่ในระดับดี โดยในไตรมาสนี้ แม้ว่าสภาวะเศรษฐกิจถูกรุมเร้าด้วยปัจจัยลบต่างๆ แต่สัดส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPL Ratio) ของธนาคารและบริษัทย่อยคงที่ในระดับ 3.85% นอกจากนี้ธนาคารยังได้คงสัดส่วนสำรองฯต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพ (Coverage Ratio) ในระดับสูงที่ 138%
ธนาคารยังคงดำรงสถานะการเงินที่แข็งแกร่ง มีระดับความเพียงพอของเงินกองทุน (CAR) ภายใต้เกณฑ์ Basel III อยู่ที่ 15.3% โดยเป็นกองทุนชั้นที่ 1 (Tier 1) ในสัดส่วน 10.5 % ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ขั้นต่ำของธนาคารแห่งประเทศไทยที่กำหนดไว้ที่ 8.5% และ 6.0% ตามลำดับ
"ในไตรมาสที่เหลือของปีธนาคารจะยังคงดำเนินงานอย่างระมัดระวัง อย่างไรก็ตาม ธนาคารมีแผนจะเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ออกสู่ตลาด เพื่อสร้างบริการที่มีคุณค่าให้กับลูกค้าและยังคงมุ่งเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพของการดำเนินงานเพื่อให้ธนาคารมีผลประกอบการที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องเพื่อผลตอบแทนต่อผู้ถือหุ้นที่ยั่งยืน"นายบุญทักษ์ กล่าว