นอกจากนี้ กองทุน K-GA ยังมีจุดเด่นสำคัญที่พอร์ทการลงทุนแบบผสม มีการกระจายการลงทุนในสินทรัพย์ประเภทต่างๆ ทั้งหุ้น และตราสารหนี้กว่า 700 หลักทรัพย์ใน 40 ประเทศทั่วโลก พร้อมทั้งมีการปรับสัดส่วนการลงทุนในแต่ละสินทรัพย์และแต่ละภูมิภาคอย่างเหมาะสมไปตามสภาวะตลาดที่เปลี่ยนแปลง ซึ่งถือเป็นตัวช่วยในการจัดสรรเงินลงทุนเพื่อโอกาสรับผลตอบแทนที่น่าสนใจพร้อมทั้งลดความผันผวนจากการลงทุนในหุ้นและตราสารหนี้ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่แตกต่างกันได้เป็นอย่างดี เหมาะเป็นทางเลือกสำหรับผู้ลงทุนที่ไม่มีเวลาติดตามสถานการณ์การลงทุนในต่างประเทศอย่างใกล้ชิดหรือขาดความชำนาญในการจับจังหวะการลงทุน
"ปัจจุบันแม้แนวโน้มเศรษฐกิจโลกจะดูมีทิศทางขยายตัวดีขึ้น โดยเฉพาะการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในสหรัฐฯ และยุโรป แต่ก็มีปัจจัยเสี่ยงอีกเป็นจำนวนมาก ซึ่งจะกดดันตลาดหุ้นให้มีความผันผวนมากขึ้น อาทิ ปัญหาความขัดแย้งในยูเครน ซึ่งส่งผลให้เกิดการคว่ำบาตรรัสเซียจากนานาชาติ ปัญหาการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนรวมถึงปัญหาหนี้นอกสถาบันการเงิน และผลกระทบจากค่าเงินที่อ่อนค่าอย่างมากของกลุ่มประเทศเกิดใหม่ ในขณะที่ตลาดหุ้นทั่วโลกโดยเฉพาะในตลาดประเทศพัฒนาแล้ว ได้ปรับตัวขึ้นอย่างมากในปีที่ผ่านมา ซึ่งการที่ตลาดหุ้นปรับตัวขึ้นมาอยู่ในระดับสูงจะส่งผลต่อความผันผวนในการลงทุนที่เพิ่มมากขึ้น ดังนั้น กองทุน K-GA ซึ่งมีการกระจายการลงทุนในหลายสินทรัพย์และหลากหลายภูมิภาค จึงช่วยลดความเสี่ยงในการลงทุนในภาวะที่ตลาดมีความผันผวนเช่นปัจจุบันได้เป็นอย่างดี"นายนาวินกล่าว
ด้านผลการดำเนินงานที่ผ่านมาของกองทุน K-GA กองทุนหลักมีผลการดำเนินงานที่ดีอย่างสม่ำเสมอ ทั้งในภาวะตลาดขาขึ้น และตลาดขาลง โดยตั้งแต่จัดตั้งกองทุนในปี 2536 กองทุนมีผลตอบแทนที่ติดลบเพียงแค่ 3 ปีเท่านั้น ขณะที่ในช่วง 17 ปีที่ผ่านมา กองทุนให้ผลตอบแทนดีกว่าตลาดหุ้นทั่วโลกและตลาดตราสารหนี้ ด้วยความเสี่ยงเพียง 1 ใน 3 ของตลาดหุ้นทั่วโลก (อ้างอิงจาก FTSE World Index และความเสี่ยงคำนวณจากค่าความผันผวนหรือค่า Standard Deviation) โดยกองทุนหลัก ณ วันที่ 31 มีนาคม 2557 มีผลตอบแทนเฉลี่ย 7.82% ต่อปี เปรียบเทียบกับ เกณฑ์มาตรฐานที่ 6.64% ต่อปี
กองทุน K-GA เป็นหนึ่งในกองทุนต่างประเทศของบลจ.กสิกรไทย ที่มีส่วนแบ่งการตลาดสูงสุดในกลุ่มอุตสาหกรรม โดยกองทุนมีนโยบายจ่ายปันผลสูงสุดไม่เกิน 4 ครั้งต่อปี โดยจะลงทุนผ่านกองทุนหลักในต่างประเทศ คือ กองทุน BGF Global Allocation Fund ซึ่งเป็นหนึ่งในกองทุนผสมที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ด้วยขนาดกองทุนกว่า 6 แสนล้านบาท บริหารจัดการโดย Blackrock ซึ่งเป็นบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ด้วยขนาดสินทรัพย์ภายใต้การจัดการสูงกว่า 110 ล้านล้านบาท นอกจากนี้ ยังมีทีมผู้จัดการกองทุนกว่า 40 คน ที่มีประสบการณ์สูง เพื่อเสาะหาโอกาสในการลงทุนทั่วโลก ทั้งนี้เพื่อปรับการลงทุนให้มีความยืดหยุ่นสอดคล้องไปตามสถานการณ์ ปัจจุบันกองทุนได้ปรับกลยุทธ์การลงทุนใหม่ โดยลดสัดส่วนการลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ลงหลังดัชนีปรับตัวขึ้นมามาก และเข้าลงทุนในตลาดหุ้นยุโรปและญี่ปุ่นมากขึ้น หลังจากเศรษฐกิจที่เติบโตอย่างโดดเด่นผ่านมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง