ภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงส่งผลกระทบต่อความต้องการสินเชื่อโดยเฉพาะสินเชื่อธุรกิจเพื่อการลงทุนหรือขยายกิจการ อย่างไรก็ตาม การดูแลลูกค้าอย่างใกล้ชิด ทำให้ธนาคารเข้าใจความต้องการและให้การสนับสนุนลูกค้าได้อย่างเหมาะสม ในขณะที่คุณภาพสินเชื่อยังคงอยู่ในสัดส่วนเท่ากับสิ้นปีก่อน โดย ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2557 ธนาคารมีเงินให้สินเชื่อจานวน 1,745,919 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อยจาก ณ สิ้นปี 2556 เนื่องจากความต้องการสินเชื่อสาหรับลูกค้าธุรกิจรายใหญ่เติบโตลดลงตามภาวะเศรษฐกิจ ขณะที่สินเชื่อเพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนของผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อมและสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้น
ณ สิ้นเดือน มี.ค.57 ธนาคารมีสินเชื่อด้อยคุณภาพจำนวน 45,003 ล้านบาท และมีอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อเงินให้สินเชื่อที่ร้อยละ 2.2 ซึ่งอยู่ในระดับเดียวกับ ณ สิ้นปี 56 เนื่องจากธนาคารให้ความสำคัญต่อคุณภาพสินเชื่อ ตั้งแต่ขั้นตอนการอนุมัติ จนถึงการติดตามตรวจสอบคุณภาพสินเชื่อหลังอนุมัติอย่างสม่ำเสมอ ในขณะเดียวกันธนาคารยังคงแนวทางการบริหารกิจการอย่างระมัดระวังและมีการตั้งสำรองค่าใช้จ่ายหนี้สูญและหนี้สงสัยจะสูญอย่างต่อเนื่อง ในไตรมาสนี้ ธนาคารมีการตั้งสำรองฯ จานวน 2,103 ล้านบาท ส่งผลให้ธนาคารมีอัตราส่วนสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อเงินให้สินเชื่อด้อยคุณภาพคิดเป็นร้อยละ 210.1
ธนาคารมีเงินรับฝากจำนวน 1,932,921 ล้านบาท ณ สิ้นเดือนมี.ค.57 โดยลดลงร้อยละ 0.1 จากสิ้นปี 56 ขณะที่เงินให้สินเชื่อลดลงร้อยละ 0.4 จากสิ้นปี 56 ส่งผลให้อัตราส่วนเงินให้สินเชื่อต่อเงินรับฝากลดลงจากร้อยละ 90.6 ณ สิ้นปี 56 เป็นร้อยละ 90.3 ในไตรมาส 1/57 ธนาคารมีรายได้ดอกเบี้ยสุทธิจานวน 14,067 ล้านบาท และมีส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 2.28 ในไตรมาส 4/56 เป็นร้อยละ 2.30 ในไตรมาสนี้ เนื่องจากผลตอบแทนจากเงินให้สินเชื่อเพิ่มขึ้น ในขณะที่ธนาคารสามารถบริหารต้นทุนเงินฝากได้ดี รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยมีจำนวน 8,671 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 489 ล้านบาท หรือร้อยละ 6.0 จากไตรมาส 4 ปีก่อนหน้า ส่วนใหญ่จากกำไรสุทธิจากเงินลงทุน กำไรสุทธิจากธุรกรรมเพื่อค้าและปริวรรตเงินตราต่างประเทศ และรายได้จากเงินปันผล
ธนาคารยังคงควบคุมค่าใช้จ่ายได้ดี โดยมีค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานลดลง 1,147 ล้านบาท หรือร้อยละ 10.9 จากไตรมาส 4/56 เป็น 9,412 ล้านบาท และมีอัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้จากการดาเนินงานลดลงจากร้อยละ 47.9 ในไตรมาส 4/56 เป็นร้อยละ 41.4 ในไตรมาสนี้ด้านเงินกองทุน หากนับรวมกำไรสุทธิสำหรับงวด 6 เดือน สิ้นสุดวันที่ 31 ธ.ค.56 และกำไรสุทธิในไตรมาส 1/57 เข้าเป็นเงินกองทุนของธนาคาร หักด้วยเงินปันผลที่จะจ่ายในเดือน พ.ค.57 ซึ่งผ่านการอนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้น อัตราส่วนเงินกองทุนทั้งสิ้น อัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ที่เป็นส่วนของเจ้าของ และอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ต่อสินทรัพย์เสี่ยง จะอยู่ในระดับประมาณร้อยละ 17.6 ร้อยละ 15.3 และร้อยละ 15.3 ตามลำดับ
ส่วนของเจ้าของ ณ วันที่ 31 มี.ค.57 มีจำนวน 306,799 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 11.8 ของสินทรัพย์รวม และมูลค่าตามบัญชีเท่ากับ 160.73 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้น 5.70 บาท จากสิ้นปี 56