ปัจจุบันกลุ่มลูกค้าสินทรัพย์สูง (High Net Worth Segment) ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าที่มีสินทรัพย์กับธนาคารและบริษัทของธนาคารมากกว่า 50 ล้านบาทขึ้นไป ให้ความสนใจในออมและลงทุนที่หลากหลายและเพิ่มการลงทุนในต่างประเทศเพื่อเพิ่มผลตอบแทนจากการลงทุนมากขึ้น เนื่องจากผลตอบแทนจากอัตราดอกเบี้ยของสถาบันการเงินไทยอยู่ในระดับที่ต่ำมาก และสภาพเศรษฐกิจของไทยในปีนี้จะไม่เติบโตมากนัก
ดังนั้น บริการไพรเวทแบงค์ จึงได้นำโครงสร้างการขายแบบเปิด (Open Architecture) มาให้บริการกลุ่มลูกค้าสินทรัพย์สูง เพื่อให้คำแนะนำและนำเสนอผลิตภัณฑ์ในการลงทุนที่ดีที่สุดในตลาด มีความหลากหลาย สอดคล้องกับความต้องการ และให้ผลประโยชน์สูงสุดแก่ลูกค้า โดยลูกค้าสามารถเลือกลงทุนในกองทุนที่น่าสนใจของบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ชั้นนำแห่งอื่น นอกเหนือจากการเลือกลงทุนกับ บลจ.ในเครือของธนาคารกสิกรไทยได้
ช่วงเริ่มต้น ธนาคารได้เลือกบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน 2 แห่งที่มีผลประกอบการอันดับต้น ๆ ของไทยมาร่วมให้บริการแก่ลูกค้าสินทรัพย์สูง ได้แก่ บลจ.อเบอร์ดีน และ บลจ.แมนูไลฟ์ (ประเทศไทย) โดยทั้ง 2 บลจ. เป็นผู้มีความเชี่ยวชาญในการจัดการกองทุนที่ลงทุนในตลาดทั้งในและต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นตลาดเอเชียหรือยุโรป ซึ่งทำให้ลูกค้ามีทางเลือกในการลงทุนกับกองทุนต่าง ๆ ได้มากถึง 90 กองทุน และในเร็ว ๆ นี้ จะเพิ่มความร่วมมือกับบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนอีก 3 แห่ง เพื่อเพิ่มทางเลือกในการลงทุนที่หลากหลายและดีที่สุดในตลาดให้กับลูกค้าไพรเวทแบงค์ของธนาคาร
นายจิรวัฒน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า กิจกรรมที่ KBank Private Banking จะจัดให้กับลูกค้าในปี 57 นี้เพิ่มเติม คือ การจัดกิจกรรมเสริมสร้างองค์ความรู้ให้กับลูกค้าอย่างเข้มข้นในทุกไตรมาส ทั้งด้านการเงินและการลงทุน รวมถึงการวิเคราะห์สถานการณ์เศรษฐกิจและคำแนะนำการลงทุนในช่วงเวลาต่างๆ ผ่านความร่วมมือของพันธมิตรที่มีความเชี่ยวชาญที่แตกต่างกันไป นอกเหนือจากงานสัมมนาเชิงวิชาการเรื่องการลงทุนแล้ว กิจกรรมที่ตอบโจทย์ด้านไลฟ์สไตล์ของลูกค้าก็ยังคงมีจัดอย่างเข้มข้นเน้นออกแบบกิจกรรมให้ตรงความต้องการและตรงกับความสนใจของลูกค้ามากขึ้น