ภาวะตลาดตราสารหนี้ไทยประจำสัปดาห์: มีมูลค่าการซื้อขายรวม 209,696 ลบ.

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday April 21, 2014 17:06 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) สรุปภาวะตลาดตราสารหนี้ประจำสัปดาห์ (16 - 18 เมษายน 2557) ปริมาณการซื้อขายตราสารหนี้มีมูลค่ารวม 209,696 ล้านบาท หรือเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณวันละ 69,899 ล้านบาท ปรับตัวลดลงจากสัปดาห์ก่อนหน้าประมาณ 33% ทั้งนี้เมื่อแยกตามประเภทของตราสารแล้วจะพบว่ากว่า 62% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมด หรือประมาณ 130,669 ล้านบาท เป็นการซื้อขายในตราสารหนี้ที่ออกโดยธนาคารแห่งประเทศไทย (State Agency Bond) ซึ่งส่วนใหญ่แล้วเป็นตราสารที่มีอายุคงเหลือค่อนข้างน้อย (ไม่เกิน 6 เดือน) ขณะที่พันธบัตรรัฐบาลที่ออกโดยกระทรวงการคลัง (Government Bond) มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 70,831 ล้านบาท และหุ้นกู้ที่ออกโดยภาคเอกชน (Corporate Bond) มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 6,206 ล้านบาท หรือคิดเป็น 34% และ 3% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมดที่เกิดขึ้น ตามลำดับ

สำหรับพันธบัตรรัฐบาล รุ่นที่มีปริมาณการซื้อขายสูงที่สุด 3 อันดับแรกคือรุ่น LB196A (อายุ 5.2 ปี) LB176A (อายุ 3.2 ปี) และ LB236A (อายุ 9.2 ปี) โดยมีมูลค่าการซื้อขายในแต่ละรุ่นเท่ากับ 23,304 ล้านบาท 11,934 ล้านบาท และ 9,718 ล้านบาท ตามลำดับ ส่วนพันธบัตรที่ออกโดยธนาคารแห่งประเทศไทย รุ่นที่มีปริมาณซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรก คือรุ่น CB14506A (อายุ 14 วัน) BOT161A (อายุ 1.7 ปี) และ CB14717B (อายุ 91 วัน) มูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 16,841 ล้านบาท 13,663 ล้านบาท และ 9,789 ล้านบาท ตามลำดับ

ขณะที่หุ้นกู้ภาคเอกชน ที่มีปริมาณการซื้อขายสูงที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่ หุ้นกู้ของบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) รุ่น THAI16DA (A+) มูลค่าการซื้อขาย 566 ล้านบาท หุ้นกู้ของบริษัท เหมราชพัฒนาที่ดิน จำกัด (มหาชน) รุ่น HEMRAJ177A (A-) มูลค่าการซื้อขาย 509 ล้านบาท และหุ้นกู้ของบริษัท โตโยต้า ลีสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด รุ่น TLT155A (AAA) มูลค่าการซื้อขาย 284 ล้านบาท

เส้นอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล (Yield Curve) ของตราสารหนี้อายุน้อยกว่า 3 ปี ปรับตัวลดลงเล็กน้อย ประมาณ 1 Basis point (100 Basis point มีค่าเท่ากับ 1%) ขณะที่ Yield ของตราสารหนี้อายุตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป ปรับตัวลดลงในช่วงประมาณ -3 ถึง -8 Basis Point ตามทิศทางของเงินทุนต่างชาติที่ไหลเข้าสู่ตลาดตราสารหนี้ไทยอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในตราสารระยะยาว หลังจากที่ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) กล่าวว่า Fed จะคงดอกเบี้ยไว้ที่ระดับต่ำต่อไป และยังไม่สามารถระบุระยะเวลาที่แน่นอนในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้ ขึ้นอยู่กับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในหลายๆด้าน โดยเฉพาะในตลาดแรงงาน ขณะที่ประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) กล่าวว่า ECB อาจจำเป็นต้องออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม หากค่าเงินยูโรยังคงแข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้แล้ว ความวุ่นวายทางการเมืองในประเทศไทยที่คาดว่าไม่น่าจะเกิดเหตุรุนแรงและอาจหาทางออกร่วมกันได้ในเร็วๆนี้ ทำให้นักลงทุนต่างชาติเริ่มมีความเชื่อมั่นและมีเม็ดเงินไหลกลับเข้ามาในตลาดตราสารหนี้ค่อนข้างมาก ปัจจัยเหล่านี้ส่งผลให้ Yield ของตราสารหนี้ปรับตัวลดลง (ราคาเพิ่มสูงขึ้น) ในทุกช่วงอายุ

นักลงทุนต่างชาติมียอด ซื้อสุทธิ ในตราสารหนี้ทุกประเภท (ทั้งระยะสั้น และระยะยาว) รวมกัน 4,550 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นการซื้อสุทธิในตราสารหนี้ระยะยาว 5,291 ล้านบาท และ ขายสุทธิในตราสารหนี้ระยะสั้น (อายุคงเหลือน้อยกว่า 1 ปี) 740 ล้านบาท ทางด้านนักลงทุนรายย่อยมียอดขายสุทธิ 171 ล้านบาท


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ