สำหรับ พันธบัตรรัฐบาล รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุดในวันนี้คือ พันธบัตรรุ่น LB196A, LB176A และ LB236A (รุ่นอายุ 5.2 ปี, 3.2 ปี และ 9.2 ปี ตามลำดับ) โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 15,333 ล้านบาท หรือคิดเป็น 85% ของมูลค่าการซื้อขายพันธบัตรรัฐบาลทั้งหมด ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. หุ้นกู้ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) (TOP243A) มูลค่า 256.3 ล้านบาท
2. หุ้นกู้บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) (THAI185C) มูลค่า 250.4 ล้านบาท
3. หุ้นกู้บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) (CPF17NA) มูลค่า 234.7 ล้านบาท
โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 741.4 ล้านบาท หรือคิดเป็น 29.8% ของมูลค่าการซื้อขายหุ้นกู้เอกชนทั้งหมดในวันนี้
ทางด้านประเภทของนักลงทุน ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุดเป็น 2 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. กลุ่มบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 7,634 ล้านบาท
2. กลุ่มบริษัทจดทะเบียนในประเทศ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 8,320 ล้านบาท
ในขณะที่นักลงทุนต่างชาติ มียอดขายสุทธิ เท่ากับ -2,242 ล้านบาท
ผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 3 เดือน ปิดที่ 2.04% ไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากเมื่อวาน และผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปี ปิดที่ 3.11% ปรับตัวลดลงจากเมื่อวาน -0.02%
Yield Curve ปรับลดลงในตราสารอายุ 3 ปีขึ้นไป ประมาณ 1-3 bps. ในทิศทางเดียวกับ US Treasury ด้านนักลงทุนส่วนใหญ่ยังคงติดตามผลการประชุม กนง. วันพุธที่ 23 เม.ย.นี้ ซึ่งตลาดคาดว่า กนง.น่าจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 2.00% ตามเดิม สำหรับนักลงทุนต่างชาติ วันนี้มียอดขายสุทธิ (NET SELL) เท่ากับ 2,242 ล้านบาท