WHA เล็งตั้งกองทุนโครงสร้างฟื้นฐานหากกำลังผลิต Solar rooftop เพิ่มเป็น 20 MW

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday April 22, 2014 13:54 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายแพทย์สมยศ อนันตประยูร ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น(WHA)กล่าวว่า หากบริษัทมีกำลังการผลิตไฟฟ้าจากโครงการ Solar PV Rooftop ทั้งที่ดำเนินการเองและร่วมมือกับบริษัทอื่นสูงขึ้นถึง 20 เมกะวัตต์ ก็จะสามารถจัดตั้งกองทุนโครงสร้างพื้นฐานได้ในอนาคต ซึ่งขณะนี้ได้ยื่นขอทำโครงการไปแล้ว 40 เมกะวัตต์ จึงต้องรอการพิจารณาจากกระทรวงพลังงานก่อน แต่คาดหวังว่าจะได้รับการอนุมัติเพิ่ม เนื่องด้วยโควต้าในส่วนของการสนับสนุนภาคครัวเรือนยังมีเหลือ

บริษัทมองว่าการทำโครงการ Solar Rooftop มีกำไรเติบโตมากกว่าภาพรวมของรายอื่นที่อยู่ในระดับ 20-25% เนื่องจากบริษัทฯมีพื้นที่หลังคาคลังสินค้าที่รองรับค่อนข้างมาก จึงช่วยลดต้นทุนในการมองหาพื้นที่ติดตั้งเครื่องผลิตไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ หากทางรัฐบาลได้เปิดให้ยื่นประมูลอีก บริษัทก็มีความพร้อมที่จะเข้าร่วมประมูลในโครงการ โดยปัจจุบันมีโครงการคลังสินค้าและศูนย์กระจายสินค้าที่พร้อมสามารถติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปได้ไม่ต่ำกว่า 60 เมกะวัตต์

ทั้งนี้ ความร่วมมือกับบมจ.กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง(GUNKUL)ในโครงการ Solar Rooftop จัดตั้งบริษัทร่วมทุนขึ้น 4 บริษัท ประกอบด้วย 1. บริษัทดับบลิวเอชเอ กันกุล กรีนโซล่าร์รูฟ 1 จำกัด กำลังการผลิต 636.48 กิโลวัตต์ 2. บริษัทดับบลิวเอชเอ กันกุล กรีนโซล่าร์รูฟ 3 จำกัด กำลังการผลิต 832.32 กิโลวัตต์ 3. บริษัทดับบลิวเอชเอ กันกุล กรีนโซล่าร์รูฟ 6 จำกัด กำลังการผลิต 832.32 กิลโลวัตต์ และ 4.บริษัท ดับบลิวเอชเอ กันกุล กรีนโซล่าร์รูฟ 17 จำกัด กำลังการผลิต 997.56 กิโลวัตต์

WHA จะมีสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัทร่วมทุนแต่ละรายในสัดส่วน 75% นอกจากการขายไฟฟ้า จำนวน 3.3 เมกะวัตต์ และยังได้รับใบอนุญาตการขายไฟฟ้า (Power Purchase Agreement; PPA) จากการไฟฟ้านครหลวง(กฟน.)อีกจำนวน 979.20 กิโลวัตต์ ภายใต้ บริษัท ดับบลิวเอชเอ กันกุล กรีนโซล่าร์รูฟ 10 จำกัด ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินงาน แต่อาจจะใช้เวลาในการดำเนินการมากกว่าปกติ เนื่องจากการบริหารจัดการภายในคลังสินค้าของผู้เช่ามีความซับซ้อน และคาดว่าจะจำหน่ายไฟฟ้าให้กับ กฟน.เพิ่มเติมภายในปี 57

นายแพทย์สมยศ กล่าวต่อว่า GUNKUL เป็นบริษัทที่มีความเชี่ยวชาญและศักยภาพทางด้านการผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ในครั้งนี้ จะช่วยเพิ่มศักยภาพ และสร้างการเติบโตให้กับบริษัทในอนาคตอีกทางหนึ่ง โดยขณะนี้เตรียมเริ่มต้นซื้อขายไฟฟ้า (COD) จำนวน 34.3 เมกะวัตต์ ให้กับกฟน. และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) และคาดว่าจะเริ่มสร้างรายได้ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2557 เป็นต้นไป และอีกจำนวน 972.20 กิโลวัตต์ ภายในสิ้นปี 27 นี้ รวมทั้งสิ้น 4.2 เมกะวัตต์โดยคาดว่าจะมีรายได้ปีละกว่า 40 ล้านบาท


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ