บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ฯแนะ"ซื้อ"หุ้น บมจ.น้ำตาลครบุรี(KBS)เป็นหุ้นชอบที่สุดในกลุ่มอาหารขณะนี้ เนื่องจากกำลังผ่านเข้าสู่การเติบโตครั้งใหม่กับค่า PE เพียง 9.5 เท่า การเติบโตครั้งนี้ไม่ได้เกี่ยวกับราคาสินค้าโภคภัณฑ์เพียงอย่างเดียว แต่ยังมีการผลิตครบวงจร และการขยายตัวของธุรกิจโรงไฟฟ้าใน 2Q14F ไปจนถึงโครงการเอทานอลในปี 2016F ซึ่งจะเป็นโครงการที่สามารถรองรับการขยายกำลังการผลิตของน้ำตาลในอนาคตได้ถึง 45% นอกจากนั้น ปี 2015F จะเป็นช่วงขาขึ้นของราคาน้ำตาลอีกด้วย
KBS อยู่ในช่วงการเปลี่ยนแปลงไปสู่บริษัทผลิตน้ำตาลแบบครบวงจร และพร้อมที่จะขยายการผลิตในอนาคต มองว่าKBS อยู่ในวงจรการเติบโตรอบใหม่ เริ่มจากธุรกิจโรงไฟฟ้าใน 2Q14 และโรงงานเอทานอลในปี 2016 อีกทั้งยังมีปัจจัยการขยายกำลังการผลิตน้ำตาลเพิ่มอีก 45% ที่ยังไม่ได้รวมเข้าไปในประมาณการ(อาจส่งผลให้เกิดโรงไฟฟ้าอีก 1 โรง)
นอกจากนั้น คาดราคาน้ำตาลเป็นช่วงขาขึ้นในปี 2015 คาดว่าฐานกำไรที่ใหญ่ขึ้นของ KBS จะมีคุณภาพมากขึ้นจากอัตรากำไรที่สูงขึ้น และความเสี่ยงที่ต่ำลงจากผลิตแบบครบวงจร โดยให้ราคาเป้าหมาย 14.2 บาท หากรวมกำลังการผลิตน้ำตาลที่อาจเพิ่มขึ้น มองเห็นการเติบโตเพิ่มขึ้นอีก 13% ในปี 2017 และราคาเป้าหมายที่ 15.70 บาท
ด้านโรงไฟฟ้า 35 MW/hr ของ KBS เริ่มการผลิตแล้วในเดือนนี้ พร้อมกับส่วนร่วมการเติบโตเต็มปีในปี 2015F แผนการบูรณาการต่อไปคือโรงงานเอทานอล กับกำลังการผลิต 0.2 ลิตร/วัน ที่จะเริ่มการผลิตต้นปี 2016 ซึ่งมองว่าเป็นปัจจัยผลักดันการเติบโตสำหรับปีนั้น เนื่องจากความต้องการเอทานอลแข็งแกร่ง จาก 1.2 ล้านลิตรในปี 2011 เป็น 2.6 ล้านลิตรในปี 2013 (กระทรวงพลังงานคาดการณ์ว่าจะเป็น 3.0 ล้านลิตรในปี 2015 และ 9.0 ล้านลิตรในปี 2021)ราคาเอทานอลอยู่ในระดับทำกำไรได้อย่างเหมาะสมที่ 26 บาท/ลิตร โรงงานมีค่าใช้จ่ายด้านการลงทุน 1 พันลบ. โดยกู้ยืม 50% มองไม่เห็นปัญหาจากการกู้ยืม เนื่องจากคาดการณ์ว่า D/E สุทธิของปี 2014 จะอยู่ที่ 0.12 เท่าเท่านั้น