ส่วนทั้งปี 57 คาดว่ายอดรับรู้รายได้มากกว่าปี 56 ที่มีจำนวน 5 พันกว่าล้านบาท และกำไรน่าจะดีต่อเนื่องจากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 746 ล้านบาท โดยปัจจุบัน บริษัทมียอดขายรอการรับรู้(Backlog)จำนวน 1.4 หมื่นล้านบาท ที่จะทยอยรับรู้รายได้ไนช่วง 2-3 ปีข้างหน้า โดยจำนวนนี้มาจากโครงการราชดำริ 185 จำนวนประมาณ 1 หมื่นล้านบาท ที่เหลือมาจากโครงการอื่น ได้แก่ โครงการเดอะริเวอร์ และ โครงการซาย
นางสาวนุช กล่าวว่า ในช่วง 3 เดือนแรกของปีนี้ ยอดพรีเซล อยู่ที่ 1,060 ล้านบาท ถือว่ายังอยู่ในเกณฑ์ที่ดี ภายใต้สถานการณ์เศรษฐกิจและการเมืองที่มีปัญหารอบด้าน หากบริษัทสามารถรักษาระดับยอดขายได้เช่นนี้ ก็คาดว่ายอดพรีเซลในปีนี้ใม่น่าจะต่ำกว่าปีก่อนที่มียอดพรีเซลอยู่ 3,753 ล้านบาท
นอกจากนี้ บริษัทยังหาโอกาสการลงทุนโครงการใหม่ ตอนนี้ยังมองหาซื้อที่ดินเพิ่มเติม อย่างไรก็ตาม แหล่งเงินที่จะใช้ซื้อที่ดินคาดว่าจะมาจากการออกหุ้นกู้ หลังจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นเมื่อเดือน พ.ย. 56 อนุมัติวงเงินการออกและเสนอขายหุ้นไว้จำนวน 7 พันล้านบาท อายุหุ้นกู้ไม่เกิน 5 ปี ขณะที่อัตราส่วนหนี้สินต่อทุน(D/E) อยู่ที่ 2.36 เท่า ในปีนี้จะพยายามเพิ่มสถานะทางการเงินให้ดีขึ้นและ D/E ลดลงกว่านี้