"ถ้าวันที่ 28 เม.ย.ผู้ถือหุ้นอนุมัติก็มีความน่าจะเป็นที่จะใช้ตลาดทุนมากขึ้น ไม่อยากใช้เงินกู้มากเพราะตอนนี้ DE ดีมาก ไม่มีความเสี่ยง ก็อยากจะให้ผ่านพ้นวิกฤตให้แน่ชัดก่อนจะ Commitment ระยะยาว ทั้งนี้ จะจัดสรรให้กับผู้ถือหุ้นเดิมแล้วหุ้นที่เหลือจากการจองซื้อหุ้นเพิ่มทุนนี้ก็มีสิทธิที่จะนำหุ้นที่เหลือทั้งหมดไปให้ strategic partner ได้ โดยจะเรียกผู้ถือหุ้นหลักๆ ดูการตอบรับก่อน"นางปัทมา กล่าว
อนึ่ง ก่อนหน้านี้ ผถห.SOLAR อนุมัติให้เพิ่มทุนแบบ general mandate จำนวน 296,773,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท โดยจะจัดสรรให้ผู้ถือหุ้นเดิม(RO)จำนวน 148,387,000 หุ้น จัดสรรเสนอขายประชาชนทั่วไป(PO) 98,924,000 หุ้น และ จัดสรรเสนอขายให้บุคคลในวงจำกัด(PP) 49,462,000 หุ้น แต่ยังไม่ได้ดำเนินการใด ๆ ในช่วงที่ผ่านมา
นางปัทมา กล่าวว่า บริษัทมีแผนจะขยายสายการผลิตที่ 2 โดยจะเพิ่มกำลังการผลิตแผ่นและแผงเซลล์แสงอาทิตย์อีก 120 เมกะวัตต์ จากเดิมที่มีกำลังการผลิตอยู่ที่ 70 เมกะวัตต์ เพื่อทำให้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นเป็น 190 เมกะวัตต์ในปี 58 คาดว่าจะใช้เงินลงทุนราว 500 ล้านบาท
ทั้งนี้ บริษัทสามารถที่จะใช้เครื่องมือระดมทุนทั้งผ่านตลาดเงินและตลาดทุน คือทั้งการเพิ่มทุนและเงินกู้จากสถาบันการเงิน โดยขณะนี้มีอัตราหนี้สินต่อทุน(DE)ต่ำมาก แค่ 0.4 เท่า ถือว่าแทบไม่มีภาระหนี้สินระยะยาวเลย
นางปัทมา กล่าวว่า กำลังการผลิตใหม่จะเริ่มรับรู้รายได้ตั้งแต่ปี 58 เป็นต้นไป เมื่อดำเนินการเสร็จเรียบร้อยทั้ง 2 สายการผลิต ก็ยังสามารถปรับเพิ่มกำลังผลิตเป็น 200 เมกะวัตต์ได้อีก โดยสายการผลิตใหม่จะใช้เทคโนโลยีการผลิตเซมิคอนดักเตอร์มารวมกับโซลาร์เซลล์ ทำให้ราคาต้นทุนต่อหน่วยลดลง จึงน่าจะสู้กับผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพเท่ากันได้ในแง่ของราคา
สาเหตุที่ต้องขยายกำลังการผลิต เนื่องจากขณะนี้บริษัทได้รับออร์เดอร์จากต่างประเทศเข้ามามาก แทบจะครอบคลุมกำลังการผลิตทั้งหมด 70 เมกะวัตต์ ซึ่งมีทั้งการส่งแผงเซลล์แสงอาทิตย์ไปขายในต่างประเทศ และ การขายระบบผลิตไฟฟ้าด้วยเซลล์แสงอาทิตย์ โดยขณะนี้บริษัทมีระบบที่ติดตั้งบนหลังคา(Solar Roof top)เป็นอุปกรณ์ที่ติดตั้งเพื่อใช้งานเดี่ยว(standalone)ที่อยู้ระหว่างการเจรจากับลูกค้าในต่างประเทศ
นางปัทมา กล่าวถึงผลประกอบการของ SOLAR ว่า แนวโน้มกำไรไตรมาส 1/57 ยังดีเมื่อเทียบกับสถานการณ์บ้านเมืองขณะนี้ แต่ยอมรับว่าหากเทียบกับไตรมาส 1/56 ที่มีรายได้รวม 570 ล้านบาท และมีกำไร 38 ล้านบาท อาจจะต่ำกว่า เพราะในช่วงเดียวกันของปีก่อนบริษัทรับรู้งานติดตั้งโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ของ บมจ.บางจาก ปิโตรเลียม(BCP)เข้ามามากกว่าในปีนี้ที่รับรู้งานใน Phase 3 ที่จะแล้วเสร็จในไตรมาส 2/57
"ถึงแม้จะรับรู้งานบางจากไม่ได้ทั้งหมด ตัวเลขกำไรก็ถือว่าดีอยู่ โดยงานบางจากฯ ปีนี้มูลค่าทั้งหมด 770 ล้านบาท แบ่งรับรู้รายได้เป็น 2 ไตรมาส ทั้งไตรมาส 1-2"นางปัทมา กล่าว
อย่างไรก็ตาม บริษัทเชื่อว่าไตรมาส 2/57 ทั้งรายได้และกำไรจะมากกว่าไตรมาส 1/57 เพราะจะเริ่มรับรู้รายได้จากส่งออกเข้ามาอย่างมีนัยสำคัญ จึงมั่นใจว่าปี 57 ผลประกอบการจะออกมาดีกว่าปี 56 แน่นอน โดยประเมินจากรายได้ที่ได้มีการทำสัญญาไว้แล้ว จึงกล้าพูดว่าน่าจะเห็นรายได้มากกว่าปีก่อน คาดว่าปีนี้รายได้จะแตะ 1,700 ล้านบาท เติบโตไม่ต่ำกว่า 30%