ทิสโก้ เวลธ์ ชี้โอกาสเหมาะเข้าลงทุนตลาดหุ้นเอเชียเหนือจากสัญญาณส่งออกฟื้น

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday April 24, 2014 10:54 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายคมศร ประกอบผล นักกลยุทธ์การลงทุนอาวุโส ทิสโก้ เวลธ์ เปิดเผยว่า ขณะนี้เม็ดเงินลงทุนจากต่างชาติ (Fund Flow) เริ่มไหลเข้าเอเชียอีกครั้งในช่วงสัปดาห์ที่แล้ว (ณ วันที่ 16 เม.ย.) หลังจากที่ไหลออกเป็นเวลา 14 สัปดาห์ติดต่อกันก่อนหน้านี้ โดยตลาดหุ้นจีนมีเม็ดเงินต่างชาติไหลเข้ามากที่สุด เป็นเม็ดเงินลงทุนอยู่ที่ 300 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขณะที่ไต้หวันอยู่ที่ 180 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งเชื่อว่าการไหลกลับของ Fund flow สะท้อนให้เห็นถึงมุมมองที่ดีขึ้นต่อตลาดหุ้นในเอเชีย เนื่องจากสัญญานการฟื้นตัวของการส่งออก แนวโน้มการเติบโตที่ดีขึ้นของเศรษฐกิจจีน และ Valuation ที่อยู่ในระดับต่ำเป็นประวัติการณ์ ดังนั้น ในช่วงจังหวะนี้ถือเป็นโอกาสที่เหมาะสมในการเข้าลงทุนตลาดหุ้นเอเชียเหนือ เพื่อเพิ่มโอกาสจากการลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศ

การลงทุนในตลาดหุ้นเอเชียเหนือขณะนี้ มีความน่าสนใจลงทุนมากขึ้น หลังจากสัญญานฟื้นตัวของการส่งออกจากกลุ่มประเทศเอเชียเหนือที่ชัดเจน ซึ่งเป็นไปตามที่ทิสโก้ เวลธ์คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ โดยล่าสุดตัวเลขการส่งออกเบื้องต้นของเกาหลีใต้ ในช่วง 1-20 เม.ย.57 ขยายตัว 3.9% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งเป็นการขยายตัวอย่างต่อเนื่องจากเดือนที่แล้ว รวมถึงการส่งออกจากประเทศอื่นๆ ในกลุ่มเอเชียเหนือ เช่น ไต้หวันและจีน ส่งสัญญานฟื้นตัวเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะการส่งออกไปยังสหรัฐฯ ที่ฟื้นตัวขึ้นจากผลกระทบของสภาพอากาศหนาวเย็นในช่วงธ.ค. 56 – ก.พ. 57 รวมถึงการส่งออกไปยังยุโรปและญี่ปุ่นที่เศรษฐกิจมีการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง

ขณะที่เศรษฐกิจจีนมีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงที่เหลือของปีนี้ โดยไตรมาสแรกเศรษฐกิจจีนขยายตัว 7.4% ดีกว่าตลาดคาดที่ 7.3% และใกล้เคียงกับเป้าหมายการเติบโตของรัฐบาล แม้จะเผชิญกับแรงกดดันจากการควบคุมการปล่อยสินเชื่อของรัฐบาล โดยนายกรัฐมนตรีของจีน นายหลี่ เค่อ เฉียง ได้มีแถลงการยอมรับว่านโยบายปฏิรูปเศรษฐกิจและความพยามในการชะลอการปล่อยกู้ ส่งผลให้เศรษฐกิจจีนชะลอตัวมากกว่าที่คาด และพร้อมที่จะเร่งลงทุนโครงการภาครัฐ เช่น โครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน สร้างถนน รถไฟ และการบริหารจัดการน้ำ ในภาคกลางและภาคตะวันตกของจีน และการเร่งสร้างที่อยู่อาศัย (Social Housing) เพื่อเร่งพัฒนาความเป็นเมืองตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจระยะยาว เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้ขยายตัวบรรลุเป้าหมายที่ 7.5% ในปีนี้

“เราเชื่อเศรษฐกิจจีนจะฟื้นตัวขึ้นตั้งแต่ไตรมาสสองเป็นต้นไป เนื่องจาก 1) การส่งออกที่ฟื้นตัวขึ้น 2) การเร่งเบิกจ่ายงบประมาณของโครงการภาครัฐ จะช่วยชดเชยการชะลอตัวของการลงทุนภาคเอกชน 3) ความตึงเครียดในภาคการเงินเริ่มผ่อนคลายลง โดยอัตราดอกเบี้ยหุ้นกู้เอกชนของจีนเริ่มปรับตัวลดลงในเดือนเม.ย. เนื่องจากตลาดเริ่มคลายความกังวลต่อประเด็นการผิดนัดชำระหนี้ และการประกาศลดอัตราการกันสำรอง (Reserve Requirement Ratio) ของธนาคารพาณิชย์ในชนบทลง 2ppts (Percentage Points) และ 0.5ppts สำหรับธนาคารเพื่อการสหกรณ์ มีผลวันศุกร์นี้ ซึ่งจะส่งผลให้มีสภาพคล่องเพิ่มขึ้นในระบบการเงินของชนบทอีกราว 1 แสนล้านหยวน" นายคมศร กล่าว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ