ทั้งนี้ บริษัทยังคงมุ่งเน้นพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยทั้งแนวราบและแนวสูง โดยโครงการแนวสูงจะเน้นพัฒนาในย่านที่เกาะติดแนวรถไฟฟ้าทั้งรถไฟฟ้ามหานครและรถไฟฟ้าบีทีเอส ส่วนโครงการแนวราบทั้งบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮ้าส์จะเน้นการพัฒนาในบริเวณรังสิต-พหลโยธิน ซึ่งเป็นที่ดินรอการพัฒนาที่มีอยู่แล้ว และบริษัทยังมีแผนจะหาซื้อที่ดินใหม่ในทำเลที่มีถนนตัดใหม่ด้วย
ด้านทิศทางแนวโน้มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ปี 57 น่าจะมีแนวโน้มการเติบโต ในอัตราที่น้อยลงกว่าปีที่ผ่านมา เนื่องจากความไม่แน่นอนของภาวะการเมืองภายในประเทศ แต่คาดว่าจะเริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวได้ภายในไตรมาส 3 ของปีนี้ ซึ่งทำให้ภาพรวมทั้งปีน่าจะเป็นทิศทางที่ทรงตัว และไม่เติบโตมากนัก"
สำหรับโครงการใหม่ของบริษัทนั้นในปี 57 อยู่ระหว่างการพัฒนารูปแบบและรายละเอียด โครงการทั้งโครงการที่สร้างบนที่ดินเดิมที่มีอยู่ และมีแผนในการจัดซื้อที่ดินเพิ่มเติมสำหรับโครงการ คอนโดมิเนียมในช่วงไตรมาส 2/57 ซึ่งจะทำให้ได้ยอดขายตามแผนที่ตั้งเป้าไว้ได้
ด้านความคืบหน้าโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนาของบริษัทหลังจากการปรับนโยบายการพัฒนาของทีมบริหารใหม่ ทำให้แนวทางการพัฒนา โครงการเก่ามีทิศทางที่แน่นอน ยอดขายโครงการที่คงค้างอยู่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ พร้อมกันนี้ การก่อสร้างโครงการ เช่น คอนโดมิเนียม เดอะ คริส รัชดา 17 ก็มีความคืบหน้าในด้านการก่อสร้างอย่างมาก คาดว่าจะสามารถโอนห้องชุดเพื่อรับรู้รายได้ทันตามแผนที่วางไว้
นายยงยุทธ กล่าวอีกว่า ในปีที่ผ่านมาหลังการปรับเปลี่ยนทีมผู้บริหารใหม่ บริษัทสามารถสร้างอัตราการเติบโตของยอดขายได้กว่า 350% จากโครงการคอนโดมิเนียม ทั้ง เดอะ คริส รัชดา 17 และ เอสเตส รัตนาธิเบศร์ ซึ่งนอกจากจะกำหนดกลยุทธ์การขายโครงการที่พัฒนาอยู่เดิมแล้ว ยังได้มีการพัฒนาโครงการใหม่ เพื่อเติมเต็มความต้องการของตลาดอย่างต่อเนื่องทั้งแนวสูงและแนวราบ โดยแต่ละโครงการล้วนแต่มีกระแสตอบรับจากกลุ่มผู้บริโภคอย่างดี
ในปี 56 บริษัทสามารถรับรู้รายได้รวม 929.34 ล้านบาท โดยรายได้ดังกล่าวมาจากโครงการ ที่พัฒนาอยู่เดิมแล้ว ประกอบด้วย โครงการกฤษดา บางนา-เทพารักษ์, โครงการกฤษดา ปิ่นเกล้า-นครชัยศรี รวม 46.72 ล้านบาท และโครงการที่พัฒนาใหม่ ประกอบด้วย โครงการกฤษดา ลากูน, กฤษดา แกรนด์พาร์ค กฤษดาเพรสทีจ เลค แอนด์ พาร์ค และ คอนโดเดอะคริส รัชดา 17 รวม 781.49 ล้านบาท และรายได้จากธุรกิจโรงแรมและอื่นๆ รวม 101.13 ล้านบาท