"เราจะพยายามโอน(backlog)เพื่อรับรู้รายได้ในปีนี้ 50-60% แต่ก็ขึ้นอยู่กับความพร้อมลูกค้าด้วย ซึ่งเมื่อโอนก็จะบันทึกเป็นรายได้กำไร...ปัจจุบันที่ดินที่ยังไม่ได้โอนและยังไม่รับรู้รายได้อยู่ค่อนข้างสูง 3100 ไร่ ซึ่งลูกค้าซื้อมาตั้งแต่ปลายปี 55-56"นายจิระพงษ์ กล่าว
ส่วนการขายที่ดินให้กับค่ายฮอนด้าจะพยายามให้จบในปีนี้ จากเดิมกำหนดโอนกลางปี แต่ยังติดเรื่องสถานที่ราชการบางแห่งปิด อาจต้องเลื่อนไปค่อนปลายปี ดังนั้น รายได้และกำไรในปีนี้ขึ้นอยู่ที่การโอนที่ดินของลูกค้าเป็นหลัก หากโอนได้ตามกำหนดก็จะทำให้มีกำไรก็ค่อนข้างมาก เพราะรายได้ของธุรกิจมาจาการขายที่ดินเป็นหลัก
"การขายในปัจจุบันแม้มีปัญหาการเมืองอยู่ คงไม่กระทบรายได้กำไรในระยะ 12-18 เดือน ซึ่งเป็นข้อดีเพราะมี backlog ในมือมากพอ"นายจิระพงษ์ กล่าว
อนึ่ง ผลประกอบการในปี 56 ROJNA มีกำไรที่ 580 ล้านบาท
นายจิระพงษ์ กล่าวอีกว่า นอกจากธุรกิจที่ดินนิคมอุตสาหกรรมแล้ว ธุรกิจด้านอื่น ๆ ยังเดินหน้าต่อไปด้วยดีในปีนี้ โดยเฉพาะธุรกิจด้านการบริการสาธารรูปโภค การบริการน้ำแม้จะมีอัตรากำไรไม่มาก แต่สามารถสร้างรายได้ต่อเนื่อง การขายน้ำให้ลูกค้าในนิคมฯอยุธยาปัจจุบันกลับมาผลิตได้ 46,000 ลูกบาศก์เมตร/วัน หรือ 90% ของกำลังการผลิตเต็มที่ 48,000-50,000 ลูกบาศก์เมตร/วัน คาดปลายปี 57 จะผลิตได้เต็มที่ตามความต้องการรองรับการาขยายกำลังการผลิตของลูกค้า ซึ่งธุรกิจน้ำจะให้กำไรกับบริษัทประมาณ 100 ล้านบาท/ปี
ส่วนธุรกิจโรงไฟฟ้า ยังเดินหน้าไปตามแผน 3 โครงการ โครงการละ 8 เมกกะวัตต์ ที่อยุธยา โครงการแรกจะเริ่มจ่ายไฟให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค(กฟภ.)ต้นเดือน พ.ค.57 ส่วนอีก 2 โครงการจะจ่ายไฟในเดือน มิ.ย.57 ซึ่งโครงการนี้ล่าช้าจากเดิม 3-4 เดือนจากผลกระทบสถานที่ราชการถูกปิดทำให้ออกใบอนุญาตล่าช้า แต่ปัจจุบันโครงการอยู่ในขั้นสุดท้าย คือการจ่ายไฟและทดสอบ
"สรุปโรงไฟฟ้า 3 โครงการนี้จะเริ่มรับรู้รายได้ตั้งแต่ไตรมาส 3/57 เป็นต้นไป โดยโครงการแรกรายได้เข้า พ.ค. อีก 2 โครงการเดือนมิ.ย. ก็จะทำให้ผลประกอบการครึ่งหลังดี จากนั้นก็จะขายไฟไปตลอดตามสัญญาขายไฟกับ กฟภ.ซึ่งทั้ง 3 โครงการได้ adder 8 บาท ระยะเวลา 10 ปี ก็จะส่งต่อรายได้กำไรครึ่งหลัง และตั้งแต่ปี 58 เต็มปี"นายจิระพงษ์ กล่าว
ขณะที่การลงทุนร่วมกับ บมจ.ไทคอน อินดัสเทรียล คอนเน็คชั่น(TICON) โดยถือหุ้น 21-22% ได้รับเป็นเงินปันผลพิเศษจาก TICON แล้ว ซึ่งก็จะมีกระแสเงินสดเข้ามาระดับหนึ่ง
"ปี 57 ทุกธุรกกิจกลับมาสภาพเดิมเต็ม 100 ที่เป็นห่วงคือการขายที่ดินในระยะต่อไป แต่ก็ยังเชื่อว่าการลงทุนของต่างชาติยังมีต่อเนื่อง โดยเฉพาะญี่ปุ่นที่เป็นลูกค้าหลัก ตอนนี้ธุรกิจจะเป็นกลุ่มอุตฯทั่วไปแล้ว ไม่เหมือนปีก่อนๆที่เป็นพวกรถยนต์ ซึ่งญึ่ปุ่นถ้าจะขยายฐานลงทุนในอาเซียนยังมองไทยอยุ่ แต่ถ้ามีความไม่แน่นอนการเมือง ญี่ปุ่นอาจหนีไปอินโดนีเซียแทน เพราะเป็นตลาดใหญ่และเสถียรภาพทางการเมืองดีกว่า ขึ้นอยู่กับสถานการณ์บ้านเมืองจะจบเมือ่ไหร่"นายจิระพงษ์ กล่าว