สำหรับ พันธบัตรรัฐบาล รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุดในวันนี้คือ พันธบัตรรุ่น LB176A, LB196A และ LB155A (รุ่นอายุ 3.2 ปี, 5.2 ปี และ 1.1 ปี ตามลำดับ) โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 20,479 ล้านบาท หรือคิดเป็น 65% ของมูลค่าการซื้อขายพันธบัตรรัฐบาลทั้งหมด ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. หุ้นกู้บ้านปู (BANPU214A) มูลค่า 209.2 ล้านบาท
2. หุ้นกู้มีประกันของบริษัท โตโยต้า ลีสซิ่ง(ประเทศไทย) จำกัด (TLT155A) มูลค่า 203.2 ล้านบาท
3. หุ้นกู้ของบริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) (CPN15OA) มูลค่า 200.5 ล้านบาท
โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 612.9 ล้านบาท หรือคิดเป็น 35.0% ของมูลค่าการซื้อขายหุ้นกู้เอกชนทั้งหมดในวันนี้
ทางด้านประเภทของนักลงทุน ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุดเป็น 2 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. กลุ่มบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 6,364 ล้านบาท
2. กลุ่มสถาบันการเงินที่ไม่มีใบอนุญาตเพื่อค้าตราสารหนี้ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 2,352 ล้านบาท
ในขณะที่นักลงทุนต่างชาติ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 3,673 ล้านบาท
ผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 3 เดือน ปิดที่ 2.04% ไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากเมื่อวาน และผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปี ปิดที่ 3.04% ปรับตัวลดลงจากเมื่อวาน -0.05%
Yield Curve ปรับลดลงในตราสารอายุ 3 ปีขึ้นไป ประมาณ 1-5 bps. จากแรงซื้อของนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ โดยพันธบัตร ธปท. รุ่นอายุ 2 ปี ที่ประมูลวันนี้ได้รับความสนใจจากนักลงทุน 2.61 เท่าของวงเงินประมูล ด้านตลาดยังคงติดตามตัวเลขเศรษฐกิจโลก ซึ่งล่าสุด ตัวเลข PMI ภาคการผลิตทั้งของสหรัฐฯ และจีน ที่ประกาศออกมามีแนวโน้มชะลอตัว ส่งผลต่อ Global Sentiment ในเชิงลบ สำหรับนักลงทุนต่างชาติ วันนี้มียอดซื้อสุทธิ(NET BUY) เท่ากับ 3,673 ล้านบาท