นายจิตตะกอน สุกสมบูน ประธานผู้อำนวยการใหญ่ LPC ผู้ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายปูนเม็ด และปูนซีเมนต์คุณภาพสูง เปิดเผยว่า บริษัทได้เซ็นสัญญาว่าจ้างบริษัท CNTIC ในการออกแบบ ก่อสร้าง ติดตั้งอุปกรณ์และเครื่องจักรแบบครบวงจร (EPC) เพื่อก่อสร้างโรงงานผลิตปูนซีเมนต์กำลังการผลิต 5,000 ตันต่อวัน หรือประมาณ 1,690,000 ตันต่อปี
ทั้งนี้ บริษัทได้รับใบอนุญาตในการก่อสร้างโรงงานผลิตปูนซีเมนต์เมื่อเดือน พ.ย.56 และคาดว่าโรงงานดังกล่าวจะก่อสร้างแล้วเสร็จภายในปี 2559 และจะเป็นโรงงานที่มีกำลังการผลิตมากที่สุดในประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) ปัจจุบัน สปป.ลาวมีความต้องการใช้ปูนซีเมนต์อย่างมาก เนื่องจากรัฐบาลมีแผนการพัฒนาระบบสาธารณูปโภคของประเทศ อาทิ การก่อสร้างถนนเส้น 13 เหนือ-ใต้ รถไฟความเร็วสูง ประกอบกับการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศจากภาคเอกชนก็มีการลงทุนอย่างต่อเนื่อง
“ปัจจุบันโรงงานผลิตปูนซีเมนต์ของบริษัทที่เวียงจันทน์ มีกำลังการผลิตอยู่ที่ประมาณ 450,000 ตันต่อปี กำลังการผลิตรวมทั้งหมดในสปป.ลาวอยู่ที่ประมาณ 1.7 ล้านตันต่อปี ขณะที่ความต้องการใช้ปูนซีเมนต์ในประเทศสปป.ลาวมีมากถึง 3,500,000 ตันต่อปี ซึ่งจากตัวเลขดังกล่าวจะเห็นว่าปูนซีเมนต์ในสปป.ลาวยังขาดแคลนอยู่มากและยังมีแนวโน้มที่ความต้องการจะเติบโตเพิ่มขึ้นอีกด้วย ดังนั้นเพื่อรองรับความต้องการใช้ปูนซีเมนต์ บริษัทจึงได้ว่าจ้าง CNTIC ก่อสร้างโรงงานดังกล่าว และเมื่อแล้วเสร็จเชื่อว่าจะทำให้ผลการดำเนินงานของบริษัทจะเติบโตอย่างก้าวกระโดด" นายจิตตะกอน กล่าว
นาย Wu Duoyu, Vice President of CNTIC เปิดเผยว่า บริษัทมีความยินดีเป็นอย่างมากที่ได้ทำงานร่วมกับ LPC ในครั้งนี้ เนื่องจากบริษัท LPC มีความแข็งแกร่งและศักยภาพในการเติบโตสูง ขณะเดียวกัน CNTIC จะใช้ประสบการณ์ ความเชี่ยวชาญรวมถึงบุคคลากรที่เป็นมืออาชีพเข้ามาดูแลการออกแบบ ก่อสร้าง และติดตั้งอุปรกณ์ เครื่องจักรให้ออกมาดีที่สุด
“CNTIC ก่อตั้งขึ้นในปี 1952 เป็นองค์กรของรัฐโดยมีการกำกับดูแลจากรัฐบาลกลางโดยตรง ธุรกิจหลักของบริษัท คือ การนำเข้าและส่งออกเทคโนโลยี รวมถึงก่อสร้างโรงงานครบวงจรทั้งประเทศและต่างประเทศ นอกจากนี้ยังให้คำปรึกษาด้านการลงทุน รวมถึงการจัดหาแหล่งเงินทุน ขณะที่ความร่วมมือกับ LPC ในครั้งนี้นับเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี เพราะไม่ใช่แค่ความสำคัญของทั้งสองบริษัทเท่านั้นแต่ยังเป็นความสัมพันธ์ที่ดีของทั้งประเทศลาวและจีนอีกด้วย"นาย Wu Duoyu กล่าว