สำหรับ พันธบัตรรัฐบาล รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุดในวันนี้คือ พันธบัตรรุ่น LB236A, LB196A และ LB145B (รุ่นอายุ 9.2 ปี, 5.2 ปี และ 0.1 ปี ตามลำดับ) โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 12,226 ล้านบาท หรือคิดเป็น 66% ของมูลค่าการซื้อขายพันธบัตรรัฐบาลทั้งหมด ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. หุ้นกู้ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) (TOP243A) มูลค่า 379.9 ล้านบาท
2. หุ้นกู้มีประกันของบริษัท โตโยต้า ลีสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด (TLT149A) มูลค่า 252.1 ล้านบาท
3. หุ้นกู้ของบริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) (MINT193A) มูลค่า 161.7 ล้านบาท
โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 793.7 ล้านบาท หรือคิดเป็น 57.8% ของมูลค่าการซื้อขายหุ้นกู้เอกชนทั้งหมดในวันนี้
ทางด้านประเภทของนักลงทุน ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุดเป็น 2 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. กลุ่มบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 1,799 ล้านบาท
2. กลุ่มบริษัทจดทะเบียนในประเทศ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 7,422 ล้านบาท
ในขณะที่นักลงทุนต่างชาติ มียอดขายสุทธิ เท่ากับ -791 ล้านบาท
ผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 3 เดือน ปิดที่ 2.03% ปรับตัวลดลงจากเมื่อวาน -0.01% และผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปี ปิดที่ 3.03% ปรับตัวลดลงจากเมื่อวาน -0.01%
Yield Curve ปรับลดลงเล็กน้อย ประมาณ 1 bp. นักลงทุนยังคงกังวลกับภาวะเศรษฐกิจไทยจากปัญหาการเมืองที่ยังคงยืดเยื้อ และปัจจัยต่างประเทศ เกี่ยวกับความไม่สงบในยูเครน นอกจากนี้ตลาดติดตามผลการประชุม FOMC ในวันที่ 29-30 เม.ย. ว่ามาตรการผ่อนคลายทางการเงิน (QE) ของสหรัฐฯ และการดำเนินนโยบายอัตราดอกเบี้ยจะออกมาในทิศทางใด สำหรับนักลงทุนต่างชาติ วันนี้มียอดขายสุทธิ (NET SELL) เท่ากับ 791 ล้านบาท