ขณะที่บริษัทมีเป้าหมายจะพลิกกลับเป็นกำไรภายใน 2-3 ปี และล้างขาดทุนสะสมได้หมดภายใน 5 ปี โดยเชื่อว่าในปี 58 รายได้และกำไรจะเติบโตอย่างชัดเจนทั้งจากธุรกิจเดิมและธุรกิจใหม่ ซึ่งในปีนี้บริษัทได้ตั้งงบลงทุนในธุรกิจทีวีดิจิตอลราว 200-300 ล้านบาท พร้อมทั้งตั้งเป้าขายกล่องรับสัญญาณทีวี 1 ล้านกล่อง และมีสมาชิกเพิ่มขึ้น 4 แสนราย
นายปรีย์มน ปิ่นสกุล ประธานเจ้าหน้าที่การเงิน GRAMMY เปิดเผยว่า ผลประกอบการในไตรมาส 1/57 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนยังเติบโตไม่ค่อยดีนัก จากสถานการณ์ทางการเมืองเข้าส่งผลกระทบต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 56 ซึ่งทำให้ต้องมีการเลื่อนการแสดงคอนเสริต์บางงานออกไปอย่างไม่มีกำหนด
แต่เชื่อว่าในช่วงครึ่งปีหลังผลประกอบการจะปรับตัวดีขึ้นจากธุรกิจคอนเทนต์ที่จะผลิตคอนเทนต์ใหม่ๆเข้ามา เช่น ฮอร์โมน วัยว้าวุ่น ซีซั่น 2 ,เนื้อคู่ The Final Answer และ ATM 2 คู่เว่อ เออเร่อ เออรัก ฯลฯ ซึ่งทั้งหมดล้วนเป็นทีวีซีรีส์และภาพยนตร์ยอดนิยมที่ได้รับความสนใจจากผู้ชมทั่วประเทศมาแล้วในภาคแรก ซึ่งบริษัทฯ คาดว่าคอนเทนต์คุณภาพทั้งหมดจะช่วยผลักดันให้ยอดสมาชิกช่องทีวีดาวเทียมของบริษัทเติบโตขึ้นเป็น 4 แสนรายได้ในสิ้นปี 57 และคาดว่าจะมีรายได้จากค่าโฆษณาเข้ามาพอสมควร
"ปีนี้ธุรกิจเดิมยังเติบโตต่อเนื่อง ซึ่งการเมืองก็ยังส่งผลกระทบอยู่ ส่วนธุรกิจใหม่เราตั้งเป้ายอดสมาชิกไว้ 4 แสนราย โดยทีวีดิจิตอลยังมีโอกาสทำกำไรได้ยากอยู่ในช่วงแรก ซึ่งเรามองว่าปีนี้จะรักษาตัวรายได้ให้ใกล้เคียงกับปีก่อน โดยครึ่งปีแรกอาจดูไม่ค่อยดี แต่เชื่อว่าครึ่งปีหลังจะกลับมาได้ ขณะที่ยอมรับว่าปีนี้ยังคงขาดทุนอยู่ ก็หวังว่าจะขาดทุนลดลงได้ ซึ่งยังต้องรอดูใน 2 ธุรกิจ คือ เพลทีวี และดิจิตอลทีวีก่อน ว่าจะสามารถสร้างผลกำไรได้มากน้อยเพียงใด"นายปรีย์มน กล่าว
สำหรับผลประกอบการโดยรวมในปี 57 บริษัทจะรักษาระดับรายได้ไว้ให้ใกล้เคียงกับปี 56 ที่มีรายได้อยู่ที่ 1.1 หมื่นล้านบาท เนื่องจากธุรกิจเดิม อย่างธุรกิจเพลง ธุรกิจดิจิตอลคอนเทนต์ ธุรกิจสื่อ ธุรกิจภาพยนตร์ ธุรกิจสื่อกิจกรรมทางการตลาด และธุรกิจแอนิเมชัน ยังมีแนวโน้มทรงตัว ขณะที่รายได้จะเติบโตได้จากธุรกิจใหม่เป็นหลัก โดยคาดว่าธุรกิจโฮมช้อปปิ้งจะกลับมามีกำไรได้ภายในไตรมาส 4/56 และธุรกิจทีวีดิจิตอลที่จะเริ่มออกอากาศได้ในช่วงเดือนพ.ค.นี้เป็นต้นไป จะเริ่มเห็นความชัดเจนของรูปแบบคอนเทนต์ภายใน 2-3 เดือนแรก ซึ่งปีนี้ตั้งงบลงทุนในธุรกิจทีวีดิจิตอลไว้ 200-300 ล้านบาท และตั้งเป้ายอดขายกล่อง GMMZ ไว้ 1 ล้านกล่อง
ขณะที่บริษัทฯหวังว่าในปีนี้แม้จะขาดทุนอยู่ แต่ก็จะขาดทุนลดลงจากปีก่อน และมองว่าจะพลิกกลับมามีกำไรได้ในช่วง 2-3 ปี และจะสามารถล้างขาดทุนสะสมได้หมดภายใน 5 ปี โดยปี 56 มีผลขาดทุน 1.2 พันล้านบาท และมองแนวโน้มปี 58 ผลประกอบการโดยรวมจะเริ่มเติบโตอย่างเห็นได้ชัด ทั้งจากธุรกิจเดิมและธุรกิจใหม่