"จากสถานการณ์การเมืองในประเทศ ทางบริษัทฯเรายังไม่ได้รับผลกระทบ เนื่องจากลูกค้าทั้งหมดของเราเป็นลูกค้าต่างประเทศ แต่อย่างไรก็ตามหากสถานการณ์ยืดเยื้ออกไปก็อาจจะส่งผลกระทบต่อความมั้นใจของลูกค้ารายใหม่ที่จะเข้า แต่สำหรับลูกค้ารายเดิมมีความเข้าใจและคุ้นชินกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น แต่เราก็ต้องรักษาคุณภาพของงานให้คงที่เพื่อจะได้รับงานใหม่ๆเข้ามาอย่างต่อเนื่อง"นางจันทร์จิรา กล่าว
ขณะเดียวกันบริษัทฯตั้งเป้าที่จะรักษาอัตรากำไรสุทธิให้อยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับปีก่อนที่ 30.7% และอัตรากำไรขั้นต้นที่มากกว่า 40% เพื่อที่จะมีความสามารถที่จะทำกำไรสุทธิให้สูงขึ้น ประกอบกับ บริษัทมีแผนจะปรับปรุงประสิทธภาพการทำงาน และขยายสายการผลิตอีก 2 สายการผลิต ด้วยงบลงทุน 400 ล้านบาทภายในปีนี้ บวมถึงบริษัทมั่นใจว่าจะได้รับงานบางส่วนโดยตรงจากบริษัทขุดเจาะน้ำมันและก๊าซธรรมชาติที่ให้อัตรากำไรสูงกว่าการรับงานผ่านผู้รับเหมางานหลัก
ทั้งนี้ สำหรับการรับงานจากต่างประเทศ บริษัทได้ทำการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน (Forward Hedging) ในสัดส่วน 80% ของรายได้ในแต่ละโครงการ ทำให้ไม่ได้รับผลกระทบจากความผันผวนจากค่าเงิน ในขณะเดียวกันยังมีโอกาสที่จะได้รับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนด้วย
"กำไรสุทธิปีนี้เรายังบอกไม่ได้ว่าจะมากกว่าปีก่อนรึเป่า แต่หากเราสามารถรักษาอัตรากำไรสุทธิให้ได้ตามเป้าหมายก็มีโอกาสที่กำไรสุทธิจะมีการเติบโตขึ้น ซึ่งเราได้มีการพัฒนาประสิทธิภาพการผลิตโดยการนำเครื่องจักรมาผลิตมากขึ้น ซึ่งช่วยลดต้นทุนด้านแรงงาน และสามารถผลิตได้มากกว่าการใช้แรงงานคน"นางจันทร์จิรา กล่าว
บริษัทอยู่ระหว่างรอผลประมูลงานใหม่ในต่างประเทศมูลค่าราว 5.9 พันล้านบาท โดยในภายในเดือน พ.ค.นี้จะรู้ผลประมูลงานในประเทศบราซิล เกี่ยวกับระบบท่อและ module ซึ่งเป็นการรับงานต่อเนื่องจากงานที่เคยได้รับมาก่อนหน้านี้แล้วมูลค่ากว่า 1.2 พันล้านบาท ขณะที่บริษัทฯเชื่อว่าธุรกิจจะเติบโตได้อีกมากเนื่องจากทั้งประเทศบราซิล และออสเตรเลีย ยังมีการลงทุนด้านการขุดเจาะและพัฒนาทรัพยากรอย่างต่อเนื่อง ทั้งแก๊สและน้ำมัน ซึ่งที่ประเทศบราซิล มีการลงทุนด้านขุดเจาะก๊าซธรรมชาติและน้ำมันอย่างน้อยปีละ 4 แห่ง ส่วนออสเตรเลียมีโครงการในการสำรวจและพัฒนาทรัพยากรธรรมชาติทั้งก๊าซและน้ำมันกว่า 300 โครงการในอนาคต หรือคิดเป็นมูลค่าโครงการรวมทั้งหมด 5 แสนล้านเหรียญดอลลาร์ออสเตรเลีย