ซีไอเอ็มบี-พรินซิเพิล เปิดขายกองทุนใหม่เน้นหุ้นเล็กทั่วโลก 28 เม.ย.-9 พ.ค.

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday April 28, 2014 12:23 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บลจ.ซีไอเอ็มบี-พรินซิเพิล เปิดขายกองทุนใหม่ มูลค่า 4,000 ล้านบาท ระหว่างวันที่ 28 เม.ย.-9 พ.ค. เน้นลงทุนหุ้นขนาดเล็กที่มีศักยภาพและอัตราการเติบโตสูงทั่วโลก หวังรับอานิสงค์จากการเติบโตของเศรษฐกิจในภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลก โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกาและยุโรป คาดการณ์ผลตอบแทนของกองทุนในปีนี้ประมาณ 18% ต่อปี จากการลงทุนในหุ้นขนาดเล็กที่เติบโตไปพร้อมกับเศรษฐกิจโลกฟื้นตัว

นายจุมพล สายมาลา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.ซีไอเอ็มบี-พรินซิเพิล กล่าวว่า กองทุนเปิดซีแพม โกลบอล สมอล แคป อิควิตี้ (CPAM GSCEQ) มีนโยบายลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนหลัก Principal Global Investors Funds - Global Small Cap Equity Fund ซึ่งลงทุนในตราสารทุนที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นที่มีมูลค่าตลาดขนาดเล็กทั่วโลก โดยเน้นตราสารทุนและหุ้นที่มีอัตราการเติบโตสูง โดยหุ้นเหล่านี้ได้ผ่านการคัดเลือกอย่างดีจากนักวิเคราะห์ผู้เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์การบริหารโดยกลุ่ม Principal Global Investors ที่บริหารกองทุนมายาวนาน โดยกองทุนที่อยู่ในกลุ่ม Small-Cap Strategy ได้รับการจัดอันดับ 4 ดาวโดย Morning Star* และมีสินทรัพย์ที่บริหารรวมกันกว่า 72,000 ล้านบาท

การลงทุนในกองทุนดังกล่าวเป็นโอกาสที่ดีสำหรับนักลงทุนไทย ในการแสวงหาผลตอบแทนจากการลงทุนในหุ้นขนาดเล็กซึ่งมีศักยภาพและอัตราการเติบโตสูงทั่วโลก ประกอบกับบริษัทเหล่านี้จะได้ประโยชน์เต็มที่จากการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องของเศรษฐกิจในภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในสหรัฐอเมริกา ยุโรปและเอเชียเหนือ โดยคาดการณ์ผลตอบแทนในปีนี้ประมาณ 18% ต่อปี

ทั้งนี้ เชื่อว่าหุ้นขนาดเล็กมีลักษณะเด่นเฉพาะ คือ หากบริษัทขนาดเล็กที่มีศักยภาพจะสามารทำกำไรที่สูงกว่าบริษัทขนาดใหญ่ ผนวกกลับสไตล์การบริหารที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของกลุ่ม Principal Global Investors คือการบริหารเชิง Active Management และเน้นการคัดเลือกหุ้นแบบ Bottom-up โดยเฉพาะการลงทุนในหุ้นขนาดเล็ก ผู้จัดการกองทุนจะทำการคัดสรรหุ้นซึ่งจะเน้นการคัดสรรหุ้นที่ราคาถูก แต่มีอัตราการเติบโตสูง และที่สำคัญที่สุดยังเป็นหุ้นที่ราคายังไม่สะท้อนพื้นฐานที่แท้จริง จึงทำให้มีโอกาสที่จะทำกำไรจากหุ้นขนาดเล็กได้มาก ซึ่งหากพิจารณาจากตัวเลขในช่วงระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา ในสหรัฐอเมริกาหุ้นขนาดเล็กสร้างผลตอบแทนสูงกว่าหุ้นขนาดใหญ่ 55.11% หรือเฉลี่ยกว่า 10% ต่อปี ส่วนในยุโรปในช่วงระยะเวลาเดียวกัน หุ้นขนาดเล็กสร้างผลตอบแทนสูงกว่าหุ้นขนาดใหญ่ถึง 79.13% หรือเฉลี่ย 16% ต่อปี สำหรับในปี 2014 คาดการณ์การเติบโตของผลกำไรของหุ้นขนาดเล็ก (MSCI World Small Cap Index) จะอยู่ที่ระดับ 14.7% สูงกว่าการเติบโตของผลกำไรของหุ้นขนาดใหญ่ (MSCI World Index) ที่เติบโตที่ 11.1%

ปัจจัยที่สนับสนุนให้ปีนี้นักลงทุนเน้นการกระจายการลงทุนไปในต่างประเทศ มาจากการที่เศรษฐกิจโลกเข้าสู่ภาวะการฟื้นตัวและปรับตัวไปในทิศทางที่ดีขึ้น โดย IMF คาดการณ์การขยายตัวในปี 57 อยู่ที่ 3.7% นำโดยกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว (Developed Countries) เช่น สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น สหภาพยุโรป ที่มีการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง เป็นต้น โดยเฉพาะเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกา เริ่มมีแนวโน้มของการฟื้นตัวชัดเจน และคาดว่าในปีนี้เศรษฐกิจสหรัฐฯ จะเติบโตได้ในระดับ 2.8% เนื่องจากตัวเลขทางเศรษฐกิจที่สำคัญต่างๆ มีทิศทางที่ดีขึ้น ส่งผลให้ FED ทำการลดการกระตุ้นด้วยนโยบายการเงินต่อเนื่องนี้ปีนี้ และอาจเริ่มทยอยขึ้นดอกเบี้ยในปีหน้าหากเริ่มเห็นสัญญาณเงินเฟ้อ ในส่วนภูมิภาคยุโรปที่พ้นจากภาวะเศรษฐกิจถดถอย (Recession) โดยเริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวในภาคอุตสาหกรรมการผลิต ขณะที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ยังคงใช้มาตรการผ่อนคลายทางการเงิน และยังคงอัตราดอกเบี้ยในระดับต่ำอย่างต่อเนื่อง เชื่อว่าจะสามารถกระตุ้นให้เศรษฐกิจสามารถเติบโตได้ ส่วนภาพรวมตลาดเอเชียจะได้รับอานิสงค์จากการที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ ขยายตัว รวมถึงภูมิภาคยุโรป ซึ่งส่งผลดีต่อตลาดเอเชียซึ่งพึ่งพาการส่งออกเป็นหลักให้สามารถฟื้นตัวตามไปด้วย นอกจากนี้พื้นฐานเศรษฐกิจเอเชียในภาพรวม เช่น จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ยังมีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งและยังน่าจะเติบโตได้ดี

สำหรับกลยุทธ์การลงทุนของกองทุนหลัก Principal Global Investors Funds - Global Small Cap Equity Fund คือ เน้นการลงทุนที่สอดคล้องกับธีมการลงทุนในปี 57 คือ เน้นลงทุนในกลุ่มประเทศพัฒนา (Develop Market) ทั้งสหรัฐฯ ภูมิภาคยุโรป และกลุ่มประเทศเอเชียเหนือ รวมถึงพอร์ตการลงทุนมีการกระจายลงทุนในหุ้นในสัดส่วนประมาณ 140 ตัว ทำให้กองทุนไม่มีความเสี่ยงมากนัก ในขณะที่สามารถสร้างผลตอบแทนได้เป็นอย่างดี โดยในปี 56 กองทุนสร้างผลตอบแทนสูงถึง 36.27% สูงกว่าดัชนีเปรียบเทียบ MSCI All Country World Small Cap ที่สร้างผลตอบแทน 28.66% (ณ 28 ก.พ.57)


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ