สำหรับทรัพย์สินอสังหาริมทรัพย์ที่ไม่ได้ใช้ในการดำเนินธุรกิจที่เป็นที่ดินเปล่าและอาคารพาณิชย์ อีกจำนวนหนึ่ง ดังนั้น บริษัทจึงพิจารณาขายทรัพย์สินอสังหาฯที่ใช้ในการดำเนินธุรกิจการจำหน่ายและให้เช่าเครื่องถ่ายเอกสารพร้อมกันกับทรัพย์สินอื่นที่ไม่ได้ใช้ในการดำเนินธุรกิจ (ทรัพย์สินอสังหาฯ) ให้กับบริษัท เอ็นเอ็นดี (ไทยแลนด์) (NND) โดยกำหนดราคารับซื้อขายและโอนทรัพย์มูลค่ารวม 200 ล้านบาท ในวันที่ 4 มิ.ย.57 ทั้งนี้ การลงนามจะต้องได้รับการอนุมัติตจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นในวันที่ 3 มิ.ย.57 ก่อน
ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าจะมีกำไรจากการจำหน่ายธุรกิจและทรัพย์สินทั้งสองรายการราว 140.58 ล้านบาท
จากนั้น IFEC ให้บริษัท อินเตอร์ ฟาร์อีสต์ เอ็นเนอร์ยี่ (บริษัทย่อย) เข้าซื้อหุ้นสามัญของ บริษัท ทรูเอ็นเนอร์จี เพาเวอร์ ลพบุรี (TEPL) จากบริษัท อาร์.อี.บิซิเนส (REB) จำนวน 1,540,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 100 บาท ซึ่งประกอบธุรกิจโรงไฟฟ้าชีวมวล ขนาด 7.5 เมกะวัตต์ ในการซื้อหุ้นบริษัทย่อยจะต้องใช้เงินลงทุนประมาณ 379 ล้านบาท (580 ล้านบาท หักด้วยหนี้ของ TEPL ซึ่งมีต่อธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อย โดยคาดยอดหนี้ส่วนนี้ ณ 30 มิ.ย.57 จะมีจำนวน 201 ล้านบาท)
พร้อมกันนั้น บริษัทจะเข้าซื้อหุ้นสามัญของ บริษัท สแกน อินเตอร์ ฟาร์อีสท์ เอ็นเนอร์ยี่ (SFEE) ประกอบธุรกิจพลังงานไฟฟ้าจากเซลล์แสงอาทิตย์ ขนาด 2.5 เมกะวัตต์ จากบริษัท สแกน อินเตอร์ โดยมีราคาซื้อขายทั้งสิ้น 231 ล้านบาท และ จะเข้าซื้อหุ้นสามัญของบริษัท ดับบลิว.โซล่า (W.Solar) จาก บมจ.สวนอุตสาหกรรมวินโคสท์ (WIN) จำนวน 8 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 10 บาท มูลค่าลงทุน 80 ล้านบาท ซึ่งเป็นธุรกิจผลิตไฟฟ้าด้วยพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคาขนาดพลังงานสูงสุด 987.84 กิโลวัตต์