สำหรับ พันธบัตรรัฐบาล รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุดในวันนี้คือ พันธบัตรรุ่น LB236A, LB296A และ LB196A (รุ่นอายุ 9.2 ปี, 15.2 ปี และ 5.2 ปี ตามลำดับ) โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 14,722 ล้านบาท หรือคิดเป็น 66% ของมูลค่าการซื้อขายพันธบัตรรัฐบาลทั้งหมด ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ และไม่มีประกันของบริษัท เอเชี่ยน พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) (AP188A) มูลค่า 301.0 ล้านบาท
2. หุ้นกู้มีประกันของบริษัท โตโยต้า ลีสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด (TLT155A) มูลค่า 101.7 ล้านบาท
3. หุ้นกู้บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) (CPF185A) มูลค่า 100.5 ล้านบาท
โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 503.1 ล้านบาท หรือคิดเป็น 57.3% ของมูลค่าการซื้อขายหุ้นกู้เอกชนทั้งหมดในวันนี้
ทางด้านประเภทของนักลงทุน ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุดเป็น 2 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. กลุ่มบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 13,373 ล้านบาท
2. กลุ่มสถาบันการเงินที่ไม่มีใบอนุญาตเพื่อค้าตราสารหนี้ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 3,872 ล้านบาท
ในขณะที่นักลงทุนต่างชาติ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 2,741 ล้านบาท
ผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 3 เดือน ปิดที่ 2.03% ไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากเมื่อวาน และผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปี ปิดที่ 3.06% ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเมื่อวาน 0.03%
Yield Curve ปรับเพิ่มขึ้นในตราสารระยะยาว รุ่นอายุ 3-20 ปี ประมาณ 1-5 bps. จากการขายทำกำไรของนักลงทุน โดยพันธบัตรรัฐบาลรุ่น Benchmark อายุ 15 ปี ที่ประมูลวันนี้ ขายได้เพียง 0.65 เท่าของวงเงินประมูล ด้านนักลงทุนยังคงจับตาผลการประชุม FOMC ของสหรัฐฯ คืนนี้ โดยตลาดคาดว่า Fed จะลดขนาด QE ลงอีก 1 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ ลงสู่ระดับ 4.5 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ สำหรับนักลงทุนต่างชาติ มียอดซื้อสุทธิ (NET BUY) เท่ากับ 2,741 ล้านบาท