ส่วนการเสนอขายหุ้นกู้วงเงิน 450 ล้านบาทให้กับผู้ลงทุนสถาบันและ/หรือนักลงทุนรายใหญ่ ในเดือนก.พ. ที่ผานมา ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี โดยจะนำเงินดังกล่าวไปใช้ในการดำเนินงานของบริษัท
สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจในปี 57 บริษัทเตรียมเปิดโครงการใหม่ 6 โครงการ มูลค่า 6,515 ล้านบาท แบ่งเป็นบ้านเดี่ยว 1 โครงการมูลค่า 2,400 ล้านบาท บ้านแฝด 1 โครงการ มูลค่า 300 ล้านบาท ทาวน์โฮม 3 โครงการ มูลค่า 1,615 ล้านบาท และคอนโดมิเนียม 1 โครงการ มูลค่า 1,200 ล้านบาท ขณะเดียวกัน ยังเตรียมจัดงบประมาณซื้อที่ดินอีกประมาณ 1,000 ล้านบาท โดยในปีที่ผ่านมาบริษัทได้ซื้อที่ดินไปแล้วประมาณ 1,000 ล้านบาท
นายชัยรัตน์ กล่าวว่า ยอมรับว่าปัญหาการเมืองที่เกิดขึ้นตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมาส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและภาพรวมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ก็ได้รับผลกระทบเช่นเดียวกัน เนื่องจากลูกค้าชะลอการตัดสินใจซื้อบ้าน หรือคอนโดมีเนียม ซึ่งเห็นได้จากยอดลูกค้าที่เข้าเยี่ยมชมโครงการมีจำนวนลดลง ทำให้บริษัทต้องปรับกลยุทธ์การทำการตลาดให้เหมาะสมกับสถานการณ์
“เชื่อว่าหลังสถานการณ์การเมืองคลี่คลายคาดว่าจะทำให้ลูกค้าที่จะซื้อบ้านเข้าเยี่ยมชมโครงการเป็นปกติ และสามารถตัดสินใจได้เร็วขึ้นเพราะอัตราดอกเบี้ยในปัจจุบันถือว่าอยู่ในระดับต่ำ หลังจากคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ประกาศดอกเบี้ยนโยบายทรงตัวที่อัตรา 2% คาดว่าจะส่งผลให้ดอกเบี้ยเงินกู้ทรงตัวอยู่ในระดับต่ำจูงใจให้คนที่คิดจะซื้อบ้าน ตัดสินใจได้ง่ายขึ้น "นายชัยรัตน์ กล่าว