นายปกรณ์ บริมาสพร ประธานกรรมการบริหาร บมจ.ไลท์ติ้ง แอนด์ อีควิปเมนท์(L&E) เปิดเผยว่า บริษัทฯคาดรายได้ปีนี้เติบโต 15-20% จากปีก่อนมีรายได้อยู่ที่ 2.4 พันล้านบาท จากการรุกตลาดหลอดไฟ LED เต็มรูปแบบ โดยปัจจุบันบริษัทมีงานในมือ(Backlog)กว่า 800 ล้านบาท ซึ่งจะสามารถรับรู้รายได้ทั้งหมดในปีนี้ ส่วนใหญ่มากกว่า 50% เป็นงานภาคเอกชน
"ปีนี้ก็ตั้งเป้ารายได้เติบโต 15-20% โดยไตรมาสแรกก็ยังเติบโตดีกว่าปีก่อน และไตรมาส 2 และไตรมาส 3 นี้เราก็ยังมีการเข้าไปประมูลงานอย่างต่อเนื่อง ขณะที่เราไม่ได้รับผลกระทบทางการเมืองแต่อย่างใด แต่ก็มีความกังวลว่าหากยังจัดตั้งรัฐบาลไม่ได้ในปีนี้ จะกระทบต่อการเบิกจ่ายงบประมาณในปี 58 และก็จะส่งผลมายังงานของภาครัฐที่จะไม่มีออกมา"นายปกรณ์ กล่าว
ขณะที่กำไรในปีนี้จะเติบโตได้เล็กน้อยจากปีก่อนมีกำไรอยู่ที่ 143 ล้านบาท เนื่องจากปีนี้เตรียมงบลงทุนไว้ 23 ล้านบาทเพื่อใช้ในการโฆษณาประชาสัมพันธ์แบรนด์สินค้า โดยในไตรมาส 2/57 เริ่มเปิดตัวโฆษณาทางโทรทัศน์เป็นครั้งแรกลุยตลาด Consumer Product พร้อมชูสโลแกน “เลือก หลอด LED เลือก L&E" เจาะกลุ่มครอบครัวยุคใหม่ที่ใส่ใจเรื่อง พลังงานและสุขภาพ โดยเน้นกลยุทธ์ COMMUNICATION CAMPAIGN เพื่อเร่งสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง และขยายฐานลูกค้าไปสู่กลุ่มลูกค้า Consumer
ในปีนี้โรงงานผลิตหลอด LED แห่งแรกในประเทศไทยสามารถผลิตได้เต็มกำลัง จึงพร้อมขยายงาน Consumer อย่างจริงจัง เพื่อขยายการเติบโตของบริษัทให้อยู่ในอัตราที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากเดิมที่มีส่วนแบ่งการตลาดของกลุ่มสินค้า Consumer ขณะที่คาดว่าโรงงานส่วนขยายทั้ง 3 โรงงาน และ 1 คลังสินค้า ภายใต้งบลงทุน 800 ล้านบาท จะทำให้ขนาดกำลังการผลิตเพิ่มขึ้น 2 เท่าเป็น 2.4 ล้านชิ้น/ปีในปี 58 จากเดิมกำลังการผลิตอยู่ที่ 1.2 ล้านชิ้น/ปี
นอกจากนี้ บริษัทฯยังตั้งเป้าส่วนแบ่งการตลาดจากสินค้า Consumer เพิ่มขึ้นเป็น 15% ในปี 58 จากเดิมอยู่ที่ 5% โดยจะมีรายได้เพิ่มขึ้นกว่า 700 ล้านบาท ปัจจุบันบริษัทมีส่วนแบ่งการตลาด(มาร์เก็ตแชร์)อยู่ที่ 40-50% จากมูลค่าตลาดรวม 13,000 ล้านบาท ซึ่งแบ่งเป็นมูลค่าตลาดสินค้า Consumer อยู่ที่ 5,000 ล้านบาท และตลาดสินค้าธุรกิจ อยู่ที่ 5,300 ล้านบาท
"เชื่อว่าตลาด Consumer ใน 2-3 ปีแรกจะยังเติบโตได้ในระดับที่สูง และภายใน 5 ปี 80% ของคนจะเปลี่ยนมาใช้หลอด LED ทั้งหมด เรามองว่าการแข่งขันก็จะเพิ่มสูงขึ้น เนื่องจาก LED ยังเป็นสินค้าที่ใหม่ ซึ่งก็จะมีผู้ประกอบการหลายรายเข้ามาจับตลาดตรงนี้มากขึ้น ขณะที่เราก็จะเข้าไปรุกตลาดระดับสูงที่มีคุณภาพดี แต่ก็ยังมีสินค้าที่เข้าถึงระดับล่างอยู่ โดยปัจจุบันเรามีช่องทางการจำหน่ายสินค้าอยู่ 3 ช่องทาง คือ โชว์รูม ห้างสรรพสินค้า และร้านค้าทั่วไป"นายปกรณ์ กล่าว
ด้านรายได้จากการส่งออกตั้งเป้าจะเพิ่มขึ้นเป็น 10-15% จากเดิมมีสัดส่วนอยู่ที่ 4-5% โดยบริษัทจะเข้าไปตั้งตัวแทนจำหน่ายสินค้าในประเทศพม่าภายในปีนี้ จากปัจจุบันมีตัวแทนจำหน่ายแล้วที่เวียดนาม ฟิลิปปินส์ กัมพูชา และสิงค์โปร ขณะเดียวกันก็อยู่ระหว่างการศึกษาการเข้าไปตั้งตัวแทนจำหน่ายในอินโดนีเซีย และมาเลเซียด้วย นายปกรณ์ ยังกล่าวถึงการย้ายหุ้น L&E จากตลาดหลักทรัพย์ MAI ไปเทรดในตลาดหลักทรัพย์ SET ว่า คาดว่าจะเข้าเทรดในตลาดหลักทรัพย์ SET ได้ในช่วงปลายปี 57 โดยมองว่าบริษัทมีการดำเนินกิจการมาเป็นเวลากว่า 10 ปี และมีผลการดำเนินงานที่มีกำไรมาโดยตลอด หากมีการย้ายเข้ามายังตลาดหลักทรัพย์ดังกล่าวก็จะช่วยเพิ่มสภาพคล่องให้แก่หุ้นได้ดีขึ้น