"ปีนี้รายได้ของเราอาจจะไม่มีการเติบโตเพราะโครงการภาครัฐต่างๆได้มีการชะลอตัวลงไป แต่อย่างไรก็ตามยังมีงานบางส่วนที่เป็นงานของรัฐวิสาหกิจยังเข้ามาอย่างต่อเนื่อง หลังจากเรามองความเสี่ยงของการเมืองในประเทศที่ยังไม่รู้ว่าจะจบลงเมื่อไหร่ เราจึงเน้นงานในต่างประเทศมากขึ้นเพื่อกระจายความเสี่ยง" นายชาติชาย กล่าว
อย่างไรก็ตาม บริษัทยังเชื่อว่าจะสามารถรักษาระดับอัตรากำไรขั้นต้นในปีนี้ไม่ต่ำกว่าปีก่อนที่อยู่ในระดับ 10% ซึ่งจะส่งผลให้กำไรปีนี้เพิ่มขึ้น เนื่องจากงานโครงสร้างพื้นฐาน 2 ล้านล้านบาทของภาครัฐไม่ออกมาส่งผลให้วัสดุก่อสร้างที่คาดว่าจะขาดแคลนและราคาจะปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นในปีนี้นั้น ปัจจุบันแนวโน้มราคาคงจะทรงตัวหรืออาจปรับลดลง รวมถึงปีก่อนบริษัทได้รับผลกระทบจากการปรับขึ้นค่าแรง 300 บาท/วันด้วย
นอกจากนั้น งานในต่างประเทศมีแนวโน้มว่ากำไรจะปรับตัวสูงขึ้น โดยเฉพาะงานในประเทศอินเดีย หลังจากที่ปีก่อนได้รับผลกระทบจากค่าเงินผันผวนและอ่อนตัวลงค่อนข้างมาก แต่ในปีนี้ค่าเงินรูปีของอินเดียเริ่มมีเสถียรภาพมากขึ้นแล้ว
"ปีนี้กำไรของเราก็น่าจะปรับตัวสูงขึ้นจากวัสดุก่อสร้างที่ราคามีแนวโน้มปรับตัวลดลงจากโครงการ 2 ล้านล้านชะลอไป และเศรษฐกิจที่ชะลอตัวทำให้โครงการอสังหาริมทรัพย์ต่างๆชะลอไปด้วย รวมถึงค่าเงินของอินเดียที่ดีขึ้น และงานต่างประเทศส่วนใหญ่ของเรามาจากอินเดีย"นายชาติชาย กล่าว