ส่วนการลงทุนในทีวีดิจิตอลมีโอกาสที่จะทำกำไรได้ในปีแรก เป็นผลจากที่ RS ใช้วิธีทางบัญชีที่ไม่เหมือนคนอื่น แต่ในทางปฏิบัติก็มีโอกาสะขาดทุนในปีแรกประมาณ 20-30 ล้านบาท พร้อมคาดว่าทิศทางธุรกิจทีวีดิจิตอลจะเห็นภาพชัดเจนในปีหน้า
ทั้งนี้ แม้ว่า RS จะมีต้นทุนเพิ่มขึ้นเหมือนกับรายอื่นที่เข้ามาทำทีวีดิจิตอล แต่ได้เปรียบตรงที่สามารถดึงรายการจากช่อง 8 เดิมที่ออกอากาศผ่านดาวเทียมอยู่แล้วเข้ามาในช่องของทีวีดิจิตอล ซึ่ง RS มีฐานลูกค้าเดิมอยู่เมื่อดึงเข้ามาจึงทำให้ภาระต้นทุนของ RS ไม่สูงเหมือนรายอื่น นอกจากนี้ ยังมองว่า RS อาจจะมีการปรับผังรายการเพื่อการแข่งขันทางธุรกิจ และในอนาคตก็อาจจะมีการปรับขึ้นค่าโฆษณาด้วย
พร้อมคาดการณ์กำไรสุทธิปีนี้ไว้ในช่วง 413-562 ล้านบาท เติบโตจากปี 56 ที่มีกำไรสุทธิ 394 ล้านบาท
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย(บาท/หุ้น) บล.เอเชีย พลัส ซื้อ 11.00 บล.เกียรตินาคิน ซื้อ 9.60 บล.ธนชาต ซื้อ 10.30 บล.เออีซี ซื้อ 11.50 บล.ซีไอเอ็มบี(ประเทศไทย) ซื้อ 9.70 บล.ฟิลลิป(ประเทศไทย) ถือ 8.60
นายดิษฐนพ วัธนเวคิน นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เกียรตินาคิน กล่าวว่า ยังคงชอบหุ้น RS เนื่องจากปีนี้มีการลงทุนในทีวีดิจิตอลเหมือนกับรายอื่น ๆ แต่ RS ได้เปรียบตรงที่มีช่อง 8 เดิมออกอากาศผ่านดาวเทียมอยู่แล้ว ก็จะมีการดึงรายการเข้ามาในช่องของทีวีดิจิตอลด้วย ทำให้ RS มีฐานลูกค้าเดิมในช่องที่ได้รับความนิยมสูง เมื่อดึงรายการเข้ามา ทำให้ภาระต้นทุนของ RS ไม่สูงเหมือนรายอื่น
นอกจากนี้ RS ยังเป็นผู้ครอบครองลิขสิทธิถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลโลก 2014 ที่จะมีขึ้นในช่วงกลางเดือนมิ.ย.ไปจนถึงกลางเดือน ก.ค.ตรงนี้ได้มีการประเมินรายได้ขั้นต่ำไว้ที่ 500 ล้านบาท และมีกำไร 100 ล้านบาท(กรณีที่ต้องถูกบังคับใช้กฎ Must Have)ซึ่งเป็นการประมาณการจากอดีตที่เคยทำมาได้ แต่หาก RS ไม่ต้องใช้ Must Have จะทำให้อาจได้รายได้และกำไรเพิ่มมากขึ้นกว่าที่ประมาณการไว้ก็ได้ โดยคาดว่ากำไรจากลิขสิทธิ์ฟุตบอลโลกนี้จะบันทึกได้ในไตรมาส 2/57 ดังนั้นงบฯของ RS คาดว่าจะโดดเด่น
พร้อมคาดการณ์กำไรสุทธิปีนี้ไว้ที่ 413 ล้านบาท เติบโต 5% จากปี 56 ที่มีกำไรสุทธิ 394 ล้านบาท ซึ่งปีนี้มีการเติบโตค่อนข้างน้อยเนื่องจากถูกกดดันจากต้นทุนการทำทีวีดิจิตตอล แต่เชื่อว่ารายอื่นคงจะเจอหนักกว่า
ด้านนายกวี มานิตสุภวงษ์ นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เอเชีย พลัส ให้เหตุผลที่แนะนำ"ซื้อ"หุ้น RS ว่า ปีนี้(2557)คาดว่า RS จะมีกำไรที่เติบโตดีทั้งจากทีวีดิตอล และฟุตบอลโลก 2014 โดย RS คาดว่าจะรับรู้กำไรจากการถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก 2014 ประมาณ 100-140 ล้านบาท ส่วนใหญ่น่าจะรับรู้ในไตรมาส 3/57 เพราะแมทช์สำคัญ ๆ จะอยู่ในเดือน ก.ค.57
ส่วนของทีวีดิจิตอลก็คาดว่าจะเกินทุนได้ในปีแรก เนื่องจาก RS ได้มีการทยอยตัดจำหน่ายกันไป แล้วช่อง 8 ที่ย้ายมาในช่องของทีวีดิจิตอลก็คาดว่าจะยังเติบโตดี และในช่องของดาวเทียมก็ยังเติบโตได้ เนื่องจากทาง RS ยังคงค่าโฆษณาเท่าเดิมอยู่ แต่อีกสักระยะอาจจะมีการปรับขึ้นค่าโฆษณา
พร้อมคาดการณ์กำไรสุทธิปีนี้(2557)น่าจะอยู่ที่ 562 ล้านบาท เติบโต 42% จากปี 56 ที่มีกำไรสุทธิ 394 ล้านบาท เนื่องจากปีนี้มีกำไรพิเศษจากฟุตบอลโลก 2014
ส่วนนายสยาม ติยานนท์ นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป(ประเทศไทย)กล่าวว่า Event พิเศษจากฟุตบอลโลกจะส่งผลดีต่อ RS โดยคาดว่าจะมีรายได้ 600 ล้านบาท และกำไร 150 ล้านบาท ส่วนการลงทุนในทีวีดิจิตอลก็มีโอกาสที่จะทำกำไรได้ในปีแรก ซึ่งเป็นผลจากที่ RS มีการใช้วิธีการทางบัญชีที่ไม่เหมือนคนอื่น แต่ในทางปฏิบัติ RS มีโอกาสที่จะขาดทุนในปีแรกที่ทำทีวีดิจิตอลประมาณ 20-30 ล้านบาท พร้อมคาดว่าทิศทางการทำธุรกิจทีวีดิจิตอลจะเห็นภาพชัดเจนในปีหน้า
เนื่องจากการลงทุนทำทีวีดิจิตอล แม้จะมีต้นทุนการผลิตที่ไม่เปลี่ยนไปมาก เพราะมีการยกช่อง 8 เข้ามาเลย แต่ช่อง 8 ก็ไม่ได้มีการผลิตรายการใหม่ ขณะที่ต้นทุนก็เพิ่มขึ้น ดังนั้นจะต้องรอดูว่ารายได้จะมากขึ้นแค่ไหนหลังจากที่ยกช่อง 8 จากดาวเทียมเข้ามาสู่ระบบดิจิตอล ดังนั้น มองว่า RS อาจจะมีการปรับผังรายการเพื่อการแข่งขันทางธุรกิจ และรายได้จากโฆษณาในอนาคตก็เชื่อว่ามีโอกาสที่จะปรับขึ้น
พร้อมคาดการณ์กำไรสุทธิปีนี้อยู่ที่ 489 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 56 ที่มีกำไรสุทธิ 394 ล้านบาท