ประธาน ตลท.เชื่อว่าเงินทุนต่างประเทศจะยังไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่องในตลาดหุ้นไทย นอกจากผ่านตลาดทุนแล้วก็ยังมีการการลงทุนโดยตรงที่เห็นได้จากยอดขออนุมัติการส่งเสริมการลงทุนจากคณะกรรมการการส่งเสริมการลงทุน(บีโอไอ)
"ต่างประเทศยังเข้ามาลงทุนต่อเนื่อง ยังซื้อสุทธิตั้งแต่เดือนมีนาคม เพราะพื้นฐานบริษัทจดทะเบียนไทยยังแข็งแกร่ง สินค้าในตลาดหลักทรัพย์ไทยยังให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าที่อื่น เป็นสาเหตุที่ต่างประเทศยังสนใจเข้ามา"ประธานกรรมการ ตลท.กล่าว
อย่างไรก็ตาม นายสถิตย์ ยอมรับว่า มีความกังวลหากยังไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลใหม่เข้ามาอนุมัติงบประมาณปี 58 ซึ่งรวมถึงงบลงทุนของภาครัฐจะมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจมหภาค และภาพรวมของประเทศ รวมทั้งส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและสังคมในระยะยาว อาทิ กระทบต่อการลงทุนโลจิสติกส์ เป็นต้น แต่ยังหวังว่าจะมีงบลงทุนของภาคเอกชน ได้แก่ การลงทุนที่เกี่ยวข้องกับการส่งออกเข้ามาทดแทน หลังจากคาดว่าการส่งออกในปีนี้จะขยายตัวมากกว่าปีที่แล้วตามการฟื้นตัวเศรษฐกิจของสหรัฐ , ยุโรป และ ญี่ปุ่น
"ถ้ายังไม่มีรัฐบาลอนุมัติงบลงทุนและงบประมาณของปี 58 ก็จะส่งผลต่อเศรษฐกิจและสังคมในระยะยาว และกระทบต่อเศรษฐกิจมหภาค ด้วยเหตุนี้ ถ้ามีงบประมาณการลงทุนจากรัฐบาลเร็วเท่าไรก็จะยิ่งดี"ประธานกรรมการ ตลท. กล่าว
นายสถิตย์ ยังกล่าวว่า ในวันนี้ ตลท.ได้เชิญนักเศรษฐศาตร์มาให้ข้อมูลเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทย เพราะพื้นฐานเศรษฐกิจไทยเป็นเรื่องที่แข็งแกร่ง อาทิ ดุลบัญชีเดินสะพัดเป็นบวก แม้หลายคนมองว่าบวกมากเกินไป, ทุนสำรองระหว่างประเทศยังมีมากเกินกว่าความจำเป็นที่จะต้องใช้ชำระหนี้ระยะสั้น แสดงถึงความแข็งแกร่ง, ในแง่สถาบันการเงิน แม้การขยายตัวของสินเชื่อจะชะลอ แต่ก็ยังแข็งแกร่งตามเงินสำรองของธนาคารต่อสินทรัพย์เสี่ยง, ในแง่ด้านการคลัง หนี้สาธารณะอยู่ที่ 45% ของจีดีพี ซึ่งยังห่างจากนโยบายที่กำหนดเพดานไว้ 60% ของจีดีพี
ขณะที่เมื่อ 1 พ.ค.ที่ผ่านมา หลังจากมีการจัดตั้งคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(บีโอไอ) ได้มีข้อเสนอการอนุมัติการลงทุนหลายแสนล้านบาท และจะเร่งคำขอให้มากที่สุด ซึ่งถือว่าการลงทุนของเอกชนก็ยังเดินหน้าไปได้
ด้านนางภัทรธีรา ดิลกรุ่งธีระภพ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) ในฐานะนายกสมาคม บล.กล่าวว่า ภาพรวมตลาดหุ้นไทยเคลื่อนไหวกรอบแคบๆ เพราะขาดปัจจัยบวกสนับสนุน โดยตลาดจับตาเรื่องสถานการณ์ทางการเมืองที่ยังไร้ทางออก ซึ่งกรณีศาลรัฐธรรมนูญ และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)ที่คาดว่าจะมีคำตัดสินใจออกมาในสัปดาห์นี้หรือสัปดาห์หน้านั้น มองว่าจะทำให้ดัชนี SET ในเดือน พ.ค.ปรับฐานเล็กน้อย ซึ่งปัจจัยเรื่องการเมืองถือว่ามีผลกระทบต่อตลาดหุ้นในระยะสั้น
ขณะที่ดีบีเอสฯ เตรียมจะปรับเป้าหมายดัชนีหุ้นไทยปีนี้ หากสถานการณ์ทางการเมืองมีความชัดเจนภายในไตรมาส 2 นี้ โดยเดิมคาด ดัชนี SET ปีนี้ไว้ที่ 1,450 จุด ภายใต้ผลกำไรบริษัทจดทะเบียนขยายตัว 8-9% พี/อี 13 เท่า
"ตอนนี้หุ้นไทยยังขาดปัจจัยที่ชัดเจน หลังจากที่มองไม่เห็นทางออกของการเมือง จึงมองกระแส Fund Flow ที่ไหลเข้ามาเป็นเม็ดเงินระยะสั้น จึงสะท้อนว่าหุ้นไทยยังขาดความเชื่อมั่นในการลงทุน ...ไม่อยากเห็นการเมืองยืดเยื้อ ไม่เช่นนั้นอาจส่งผลให้ตลาดปรับตัวลดลงมากกว่าปัจจุบัน" นางภัทรธีรา กล่าว
วันนี้ ตลท.ร่วมกับ บล.ดีบีเอส วิคเกอร์ (ประเทศไทย) จัดงาน "SET- Thai Corporate Day 2014" มีนักลงทุนสถาบันต่างประเทศเข้าร่วม 100 กว่าแห่ง เข้าร่วมฟังบรรยายของบริษัทจดทะเบียนไทยที่เข้าร่วมงานนี้ 34 แห่ง