ส่วนปีนี้หลังจากเดือน เม.ย.ภาพรวมธุรกิจอีเว้นท์ดีขึ้น เนื่องจากสถานที่หลักๆ กลางเมืองสามารถจัดงานได้ตามปกติ ทำให้บริษัทเอกชนเริ่มกลับมาจัดอีเว้นท์กระตุ้นกำลังซื้อกันมากขึ้น บริษัทจึงมั่นใจว่าปีนี้รายได้จะเข้าเป้า 1,200 ล้านบาท โดยขณะนี้มีงานรอรับรู้รายได้ที่ 750 ล้านบาท
นายเสริมคุณ เปิดเผยว่า แนวโน้มรายได้ในไตรมาส 1/57 จะปรับตัวลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากผลกระทบทางการเมืองที่ส่งผลให้งานต่างๆมีการชะลอตัวไป โดยเฉพาะในธุรกิจให้เช่าอุปกรณ์ แต่อย่างไรก็ตาม ยังถือว่ารายได้ของ CMO ปรับตัวลดน้อยลงเมื่อเทียบกับภาพรวมอุตสาหกรรมที่ปรับตัวลดลงถึง 20% เนื่องจากบริษัทได้มีการขยายงานไปยังต่างประเทศมากขึ้นในช่วงก่อนหน้านี้
นอกจากนั้น รายได้ในช่วงไตรมาส 2/57 มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น หลังงานที่ชะลอมาตั้งแต่ช่วงปลายปีก่อน โดยเฉพาะในกลุ่มของยานยนต์ กลับมาจัดงานกันอีกครั้งแล้ว และแนวโน้มรายได้ของบริษัทในช่วงครึ่งปีหลัง เชื่อว่าจะเติบโตมากกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน
"รายได้ของเรามีแนวโน้มที่ดีขึ้น ในช่วงต้นไตรมาส 2 ที่ผ่านมาหลังจากงานที่อั้นๆ มาในช่วงปลายปีถึงต้นปี มาเริ่มจัดในช่วงไตรมาส 2 ส่วนรายได้ไตรมาส 1 เราลดลงนิดหน่อยเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนจากผลกระทบทางการเมืองที่ส่งผลกระทบต่อภาพรวมของงานจากภาคอสังหาฯชะลอตัวลงไป แต่เราลดลงน้อยกว่าอุตสาหกรรม เพราะเรามีรายได้ที่เข้ามาจากต่างประเทศ ที่ช่วยให้รายได้ไตรมาส 1 ลดลงไม่มากนัก"นายเสริมคุณ กล่าว
นายเสริมคุณ กล่าวว่า บริษัทได้ตั้งงบลงทุนปี 57 ไว้ที่ 300 ล้านบาท เพื่อใช้ในการซื้ออุปกรณ์ ด้านแสง สี เสียง เข้ามาเพิ่มเติม และบริษัทฯอยู่ระหว่างหาพันธมิตรในประเทศอินโดนีเซียเพื่อจัดตั้งบริษัทเกี่ยวกับการให้เช่าอุปกรณ์ แสง สี เสียง และจัดงานกิจกรรมต่างๆ คาดว่าปี 58 จะเห็นความชัดเจน
ส่วนประเทศกัมพูชา ลาว พม่า และเวียดนามนั้น บริษัทก็จะเข้าไปเน้นการขยายตลาด โดยใช้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลาง
"เรามองว่าประเทศ ที่อยู่ใกล้ๆบ้านเรา ใช้เวลาเดินทาง 5-8 ชั่วโมงก็ไม่จำเป็นที่จะไปจัดตั้งบริษัทฯ แต่เรามองว่าการใช้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางในการส่งของไปโดยตรงก็ดีแล้ว แต่สำหรับอินโดฯ อยู่ค่อนข้างไกล และมีประชากรค่อนข้างมาก ยังมีโอกาสในการเติบโตอีกมาก เราจึงมีแนวโน้มที่จะตั้งบริษัทฯใหม่ที่นั่น"นายเสริมคุณ กล่าว
ล่าสุด CMO ได้มีการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในรอบ 28 ปีลงทุนสร้างอาณาจักรทางด้านความคิดสร้างสรรค์ที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน มูลค่าโครงการกว่า 500 ล้านบาท ภายใต้ชื่อ “Bangkok Creative Playground" บนพื้นที่ 12 ไร่ ชูแนวคิด “Work Live Play"รวบรวมกลุ่มธุรกิจด้านสร้างสรรรค์งานอีเว้นท์ทุกประเภทไว้บนพื้นที่เดียวกัน ตลอดจนให้บริการด้านการสื่อสารทางการตลาดแบบครบวงจรกับลูกค้า และยังเป็นที่ตั้งของสำนักงานในกลุ่ม CMO ทั้ง 3 บริษัท ได้แก่ บริษัท ซีเอ็มโอ จำกัด (มหาชน) ,บริษัท พีเอ็ม เซ็นเตอร์ จำกัด และ บริษัท ดิอายส์ จำกัด และยังเป็นที่ตั้งของศูนย์ประติมากรรมกรุงเทพอีกด้วย