การออกหุ้นกู้ครั้งนี้ถือเป็นการออกหุ้นกู้ชุดที่ 2 และ 3 โดยชุดแรกออกในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา มูลค่า 900 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยคงที่ 4% ระยะเวลา 3 ปี โดยการออกหุ้นกู้ครั้งล่าสุดนี้ เพื่อเป็นการเพิ่มสัดส่วนเงินกู้ระยะยาวและควบคุมต้นทุนดอกเบี้ยของบริษัท และรองรับกับหุ้นกู้จำนวนหนึ่งที่กำลังจะถึงกำหนดไถ่ถอน TK สามารถควบคุมต้นทุนทางการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดยขณะนี้มีสัดส่วนเงินกู้ดอกเบี้ยอัตราคงที่สูงถึงเกือบ 100% ทำให้แทบจะไม่มีความเสี่ยงทางด้านดอกเบี้ย
ส่วนผลประกอบการของบริษัทฯ ในช่วงปีที่แล้ว แม้ว่าตลาดรวมรถจักรยานยนต์จะหดตัวลงไปถึง 6.6% แต่ลูกหนี้เช่าซื้อสุทธิเพิ่มขึ้น 4.8 % โดยมีทรัพย์สินรวม 10,267.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.7% และเพื่อป้องกันความเสียหายจากหนี้สงสัยจะเสียในช่วงภาวะเศรษฐกิจชลอตัว ทางบริษัทฯ เร่งตัดหนี้สูญและ ได้ตั้งสำรองหนี้สงสัยจะเสียไว้สูงถึง 5.8% ของลูกหนี้หรือคิดเป็นเงิน 565 ล้านบาท ส่งผลให้กำไรสุทธิลดลงในระยะสั้น โดยในปีที่ผ่านมากำไรสุทธิลดลงถึง 39.8% เหลือ 428.7 ล้านบาท
ทางด้านนายประพล พรประภา กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการ กล่าวเพิ่มเติมว่า TK ได้เร่งเปิดรับสมัครพนักงานรุ่นใหม่อีก 200 ตำแหน่งเพื่อเสริมทีมงานและรองรับแผนการขยายตัวหลังได้รัฐบาลใหม่ อีกทั้งยังเดินหน้าเปิดสาขาเพิ่มอีก 3-4 สาขาในปีนี้
ทั้งนี้ ตลาดรถจักรยานยนต์ในปีนี้คาดว่าจะหดตัวประมาณ 10% มาอยู่ที่ 1.8 – 1.85 ล้านคัน ซึ่งในช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้ ตลาดลดลงประมาณ 22% มาอยู่ที่ 275,000 คัน ซึ่งเป็นการลดลงของตลาด 10 เดือนอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้เป็นผลจากปัญหาทางการเมืองและนโยบายภาครัฐที่ไม่สามารถขับเคลื่อนนโยบายสำคัญให้บรรลุผลได้ โดยเฉพาะโครงการรับจำนำข้าว อีกทั้งภาคส่งออกไม่ขยายตัวตามที่คาดการณ์ ส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อของครัวเรือน