TK ออกหุ้นกู้ชุดที่ 2 และ 3 อีก 300 ลบ.คุมต้นทุนดอกเบี้ย

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday May 7, 2014 15:24 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นางสาวปฐมา พรประภา กรรมการผู้จัดการ บมจ.ฐิติกร(TK)เปิดเผยว่า คณะกรรมการบริหารบริษัทมีมติให้ออกหุ้นกู้ชุดที่ 2 จำนวน 100,000 หน่วย มูลค่าที่ตราไว้ 1,000 บาทต่อหน่วย ครบกำหนดไถ่ถอนปี 2560 โดยกำหนดวันออกหุ้นกู้วันที่ 30 เมษายน 2557 และครบกำหนดไถ่ถอนในวันที่ 28 เมษายน 2560 อัตราดอกเบี้ยคงที่ 4% ต่อปี และมีมติให้ออกหุ้นกู้ชุดที่ 3 จำนวน 200,000 หน่วย มูลค่าที่ตราไว้ 1,000 บาทต่อหน่วย โดยกำหนดวันออกหุ้นกู้วันที่ 9 พฤษภาคม 2557 และครบกำหนดไถ่ถอนในวันที่ 16 พฤษภาคม 2559 อัตราดอกเบี้ยคงที่ 3.63 % ต่อปี โดยเป็นการจำหน่ายให้กับกลุ่มนักลงทุนเฉพาะเจาะจง (Private Placement)

การออกหุ้นกู้ครั้งนี้ถือเป็นการออกหุ้นกู้ชุดที่ 2 และ 3 โดยชุดแรกออกในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา มูลค่า 900 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยคงที่ 4% ระยะเวลา 3 ปี โดยการออกหุ้นกู้ครั้งล่าสุดนี้ เพื่อเป็นการเพิ่มสัดส่วนเงินกู้ระยะยาวและควบคุมต้นทุนดอกเบี้ยของบริษัท และรองรับกับหุ้นกู้จำนวนหนึ่งที่กำลังจะถึงกำหนดไถ่ถอน TK สามารถควบคุมต้นทุนทางการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดยขณะนี้มีสัดส่วนเงินกู้ดอกเบี้ยอัตราคงที่สูงถึงเกือบ 100% ทำให้แทบจะไม่มีความเสี่ยงทางด้านดอกเบี้ย

ส่วนผลประกอบการของบริษัทฯ ในช่วงปีที่แล้ว แม้ว่าตลาดรวมรถจักรยานยนต์จะหดตัวลงไปถึง 6.6% แต่ลูกหนี้เช่าซื้อสุทธิเพิ่มขึ้น 4.8 % โดยมีทรัพย์สินรวม 10,267.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.7% และเพื่อป้องกันความเสียหายจากหนี้สงสัยจะเสียในช่วงภาวะเศรษฐกิจชลอตัว ทางบริษัทฯ เร่งตัดหนี้สูญและ ได้ตั้งสำรองหนี้สงสัยจะเสียไว้สูงถึง 5.8% ของลูกหนี้หรือคิดเป็นเงิน 565 ล้านบาท ส่งผลให้กำไรสุทธิลดลงในระยะสั้น โดยในปีที่ผ่านมากำไรสุทธิลดลงถึง 39.8% เหลือ 428.7 ล้านบาท

ทางด้านนายประพล พรประภา กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการ กล่าวเพิ่มเติมว่า TK ได้เร่งเปิดรับสมัครพนักงานรุ่นใหม่อีก 200 ตำแหน่งเพื่อเสริมทีมงานและรองรับแผนการขยายตัวหลังได้รัฐบาลใหม่ อีกทั้งยังเดินหน้าเปิดสาขาเพิ่มอีก 3-4 สาขาในปีนี้

ทั้งนี้ ตลาดรถจักรยานยนต์ในปีนี้คาดว่าจะหดตัวประมาณ 10% มาอยู่ที่ 1.8 – 1.85 ล้านคัน ซึ่งในช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้ ตลาดลดลงประมาณ 22% มาอยู่ที่ 275,000 คัน ซึ่งเป็นการลดลงของตลาด 10 เดือนอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้เป็นผลจากปัญหาทางการเมืองและนโยบายภาครัฐที่ไม่สามารถขับเคลื่อนนโยบายสำคัญให้บรรลุผลได้ โดยเฉพาะโครงการรับจำนำข้าว อีกทั้งภาคส่งออกไม่ขยายตัวตามที่คาดการณ์ ส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อของครัวเรือน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ