(เพิ่มเติม) "วันทูวัน คอนแทคส์"ยันพร้อมเทรด 15 พ.ค.หลังระดมทุน IPOลุยขยายตลาด CLMV

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday May 8, 2014 13:00 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นางสุกัญญา วนิชจักร์วงศ์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.วันทูวัน คอนแทคส์(OTO) หนึ่งในกลุ่ม บมจ.สามารถคอร์ปอเรชั่น(SAMART)กล่าวว่า บริษัทยืนยันความพร้อมเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ mai ในวันที่ 15 พ.ค. นี้ หลังจากเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก(IPO)จำนวน 80 ล้านหุ้น ที่ราคา 5.40 บาท/หุ้น เพื่อระดมทุนกว่า 400 ล้านบาทรองรับการขยายธุรกิจในระดับภูมิภาค โดยเฉพาะในกลุ่ม CLMV
"บริษัทฯจะมีการขยายฐานลูกค้าไปในต่างประเทศ โดยเฉพาะในกลุ่ม CLMV (กัมพูชา,ลาว,พม่า,เวียดนาม) ขณะที่บริษัทฯมีความมั่นใจเป็นอย่างมากในการเข้าจดทะเบียนในครั้งนี้ ว่าราคาเทรดจะเหนือจองได้ โดยมองว่าราคาหุ้นที่เสนอขายเป็นราคาที่ต่ำ ขณะที่บริษัทฯมี P/E อยู่ที่ 12 เท่า รวมถึงมองว่าธุรกิจบริการ Contact Center ยังมีบริษัทค่อนข้างน้อยที่เข้ามาซื้อขายในตลาดหุ้นไทย จึงถือได้ว่าเป็นที่น่าสนใจกับนักลงทุนอย่างมาก ขณะเดียวกันธุรกิจการบริการดังกล่าวยังมีการเติบโตต่อปี 15-20%"นางสุกัญญา กล่าว

OTO ประกอบธุรกิจบริหารจัดการศูนย์บริการข้อมูลครบวงจร คุณภาพสูง (Fully Contact Center Management Services) ซึ่งนางสุกัญญา กล่าวว่า แนวโน้มการเติบโตของธุรกิจ Contact Center มีทิศทางการเติบโตอย่างต่อเนื่องและสูงขึ้นอย่างโดดเด่นในช่วง 3-5 ปีที่ผ่านมา ปัจจุบัน ธุรกิจนี้มีมูลค่าตลาด Outsourced Customer Serviceในประเทศรวมกว่า 2 พันล้านบาท ซึ่งยังมีศักยภาพในการขยายได้อีก ตามแนวโน้มตลาดการแข่งขันในเรื่องการบริการ ทั้งนี้ เป็นผลจากการที่องค์กรต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชนต่างให้ความสำคัญต่อการพัฒนาคุณภาพบริการ ดังนั้น การนำเทคโนโลยีทางด้าน Contact Center ที่ได้มาตรฐานสากลมาใช้ในการติดต่อสื่อสาร จึงได้รับความสนใจอย่างมาก เพราะไม่เพียงสามารถสร้างความแตกต่างทางด้านบริการ แต่ยังเป็นปัจจัยสำคัญในการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้แก่ทุกองค์กรอีกด้วย

ปัจจุบัน บริษัทมีลูกค้ารายองค์กรมากกว่า 50 รายในปัจจุบัน ครอบคลุมทั้งภาครัฐและเอกชนในหลากหลายธุรกิจ อาทิ ธุรกิจสายการบิน, ธุรกิจประกัน ธุรกิจบริการ และธุรกิจการเงิน เป็นต้น โดยคิดเป็นสัดส่วนลูกค้าภาครัฐและเอกชนในสัดส่วน 60:40 มีจำนวนพนักงาน ที่ผ่านการอบรมฝึกฝนจากทางบริษัทฯ แบบมืออาชีพ จำนวนกว่า 5,000 คน โดยผลประกอบการปี 56 มีกำไรรวม 90 ล้านบาท เติบโต 50% และเมื่อพิจารณาผลกำไรในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา (54-56) จะเห็นว่ามีอัตราที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง คือ 38 ล้านบาท 74 ล้านบาท และ 90 ล้านบาทตามลำดับ

ทั้งนี้ บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้ปี 57 ที่ 1,000 ล้านบาท เติบโต 40% จากปีก่อนที่มีรายได้ 700 ล้านบาท โดยบริษัทคาดว่าจะได้รับงานเข้ามาอีกจำนวน 3 โครงการภายใน 3 เดือนข้างหน้านี้ แบ่งเป็นงานภาครัฐ 2 โครงการและงานภาคเอกชนที่ได้จากประเทศกัมพูชาอีก 1 โครงการ มูลค่างานรวมประมาณ 80-100 ล้านบาท ขณะที่รายได้อื่นๆ ในปีนี้จะมาจากงานเดิมที่รับรู้รายได้ต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 56 จำนวน 200 ล้านบาท และรายได้อีก 550-600 ล้านบาทเป็นรายได้ประจำที่บริษัทได้จากธุรกิจรับจ้างให้คำปรึกษาและให้บริการในรูปแบบ outsource ที่มีสัดส่วนรายได้ 60% และธุรกิจบริการติดตั้งระบบในรูปแบบ Turn Key มีสัดส่วนอยู่ที่ 40%

สำหรับก้าวต่อไปของ OTO คือ การขยายฐานลูกค้า โดยขยายธุรกิจไปในต่างประเทศ โดยเฉพาะในกลุ่ม CLMV ประกอบด้วย กัมพูชา, ลาว,พม่า และ เวียดนาม ครอบคลุมทั้งบริการติดตั้งระบบในรูปแบบ Turn key และรับจ้างให้คำปรึกษาและให้บริการในรูปแบบ Outsource ซึ่งปัจจุบันลูกค้าให้การยอมรับและใช้บริการอย่างกว้างขวาง เพราะมองว่ากลุ่มประเทศ CLMV ยังมีศักยภาพการเติบโตที่ดีต่อเนื่อง และโอกาสที่จะได้งานมีค่อนข้างสูงมาก รวมถึงมีวัฒนธรรมที่ใกล้เคียงกับประเทศไทย ประกอบกับยังไม่มีบริษัทอื่นๆเข้าไปรุกตลาดในธุรกิจนี้ ในอนาคตบริษัทมีแผนจะปรับลดสัดส่วนรายได้งานภาครัฐให้เหลือเพียง 30% จากที่เคยเป็นรายได้หลักกว่า 60% โดยจะหันมาเพิ่มสัดส่วนงานภาคเอกชนให้เป็น 70% หลังจากบริษัทขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศมากขึ้น โดยปัจจุบัน บริษัทมีศูนย์ call center อยู่ในกัมพูชาแล้ว และคาดว่าจะขยายไปในพม่าเป็นประเทศถัดไปภายในปีนี้ ซึ่งจะทำให้สัดส่วนรายได้ต่างประเทศเพิ่มขึ้นจากที่ขณะนี้มีไม่ถึง 5% ด้วย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ