ขณะที่บริษัทคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นในปีนี้จะสูงขึ้นราว 1% จากปีก่อนอยู่ที่ระดับ 7-8% หลังจากมีการปรับวิธีการก่อสร้าง ทำให้ต้นทุนปรับลดลง
นายวิโรจน์ เจริญตรา กรรมการผู้จัดการ PREB กล่าวว่า บริษัทยังคงตั้งเป้ารายได้รวมที่ 6,800 ล้านบาท เติบโต 13% จากปี 56 ที่มีรายได้ราว 6,000 ล้านบาท โดยรายได้หลักยังมาจากธุรกิจรับเหมาก่อสร้างที่คาดไว้ที่ประมาณ 6,000 ล้านบาท เติบโต 20% จากปีก่อน รายได้จากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 200 ล้านบาท และรายได้จากการขายวัสดุก่อสร้างและอื่นๆ ราว 700 ล้านบาท
ไตรมาส 1/57 คาดว่าจะมีรายได้รวมกว่า 1,000 ล้านบาทใกล้เคียงงวดเดียวกันปีก่อน ส่วนใหญ่มาจากงานรับเหมาก่อสร้าง ขณะที่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์รับรู้แค่กว่า 50 ล้านบาท
ปัจจุบัน บริษัทมีงานในมือ(backlog)ธุรกิจรับเหมาก่อสร้างกว่า 9,000 ล้านบาท โดยมีกำหนดทยอยรับรู้รายได้ในปีนี้ราว 4,000-5,000 ล้านบาท ซึ่งไตรมาส 1/57 รับรู้ฯไปแล้วราว 1 พันล้านบาท และในเร็วๆ นี้จะมีการเซ็นสัญญารับงานของวัดพระธรรมกายมูลค่า 1,300 ล้านบาท ซึ่งจะเริ่มก่อสร้างในวันที่ 1 มิ.ย.นี้ เป็นอาคารสูง 11-12 ชั้น คาดรับรู้รายได้ปีนี้ 500-600 ล้านบาท นอกจากนั้น ไตรมาส 4/57 น่าจะได้งานเพิ่มอีกกว่า 3,000 ล้านบาท ซึ่งอยู่ระหว่างการประมูลและต่อรองราคา
นายวิโรจน์ กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้าหมายจะพยายามรักษาระดับ backlog ไว้ที่ 9,000-10,000 ล้านบาทในช่วงปี 57-59 ถึงแม้ภาพรวมงานรับเหมาก่อสร้างภาคเอกชนจะชะลอไปประมาณ 20% ในปีนี้ แต่บริษัทไม่ได้รับผลกระทบ เพราะเน้นการรับงานจากลูกค้าเดิมที่ส่งงานให้อย่างต่อเนื่อง ประกอบกับบริษัทเน้นที่ใช้นวัตกรรม ความเป็นมืออาชีพ และมีคุณภาพ
"งานที่หายไป 20% ส่วนใหญ่เป็นคอนโดฯ ขณะที่งานโรงงานก็ลดลงเพราะอินเวสเตอร์ไม่ลงทุน ซึ่งจะทำให้ปลายปีผู้รับเหมาฯอาจแข่งขันมากขึ้นสำหรับผู้ที่ bid ประมูลสู้กัน แต่ของเราจับมือกับพันธมิตรมากกว่า"
นอกจากนั้น ในปีนี้บริษัทได้ปรับปรุงวิธีบริหารจัดการงานก่อสร้าง เพื่อผลักดันให้อัตรากำไรขั้นต้น(มาร์จิ้น)ในธุรกิจรับเหมาก่อสร้างสูงขึ้น หลังจากในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาบริษัทเน้นการเติบโตของรายได้ปีละไม่ต่ำกว่า 30% ทำให้กระทบกับมาร์จิ้น แต่ในปีนี้เชื่อว่ามาร์จิ้นจะสูงขึ้นราว 1% จากปีก่อนที่อยู่ในระดับ 7-8%
"ปีนี้งานก่อสร้างยังเป็นพระเอกเราพัฒนาระบบจัดการไซส์เพื่อทำมาร์จินให้สูงขึ้น เนื่องจาก 3 ปีที่ผ่านมาเราโตไม่ต่ำกว่า 30% ซึ่งการโตไม่ต่ำกว่า 30% เราต้องเสียสละมาร์จิ้นเพื่อรับงานมากขึ้น แต่ปีนี้เราจะเน้นเพิ่มมาร์จิ้นธุรกิจก่อสร้าง เช่น ใช้ระบบโบกี้ทำการก่อสร้างแต่ละไซส์งานซึ่งสามารถประหยัดแรงงานได้ 20-30% ก็จะเพิ่มอัตรากำไรขั้นต้นได้ 1% จากปีก่อนอยู่ที่ 7-8%" นายวิโรจน์ กล่าว
ในส่วนของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ภายใต้ บมจ.บิลท์แลนด์ นั้น ในปีนี้บริษัทเตรียมงบซื้อที่ดินทั้งหมดราว 1,000 ล้านบาท ซึ่งใช้ไปแล้ว 200 ล้านบาทในไตรมาส 1/57 ขณะที่ยังคงมองหาซื้อที่ดินแนวรถไฟฟ้าเพื่อพัฒนาเป็นโครงการคอนโดมิเนียมเพิ่มเติมเพื่อรองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน(AEC)เพราะเชื่อว่ายังมีความต้องการอยู่ แม้ว่าช่วงนี้อาจตัดสินใจช้าลง
สำหรับโครงการคอนโดมิเนียม เทมโป แกรนด์ สาทร-วุฒากาศ ขณะนี้ตอกเสาเข็มแล้ว คาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จในปี 59 มูลค่าโครงการ 2,500 ล้านบาท มียอดขายเข้ามาแล้วราว 400 ล้านบาท คิดเป็น 20% ของมูลค่าโครงการ คาดว่าจะเริ่มรับรู้รายได้ในปี 59 ซึ่งจะทำให้รายได้จากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เติบโตก้าวกระโดด จากปีนี้ที่มีรายได้กว่า 200 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ภาพรวมของกำไรสุทธิในปีนี้อาจจะไม่สูงเท่ากับปีก่อน เนื่องจากรับรู้รายได้จากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ลดลงจากปีก่อนที่อยู่ในระดับมากกว่า 600 ล้านบาท โดยธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มีมาร์จิ้นสูงกว่าธุรกิจรับเหมาก่อสร้างค่อนข้างมาก ดังนั้น เมื่อนำมาเฉลี่ยมาร์จิ้นจึงอาจจะไม่สูงเท่าปีก่อน