สำหรับ พันธบัตรรัฐบาล รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุดในวันนี้คือ พันธบัตรรุ่น LB176A, LB196A และ LB21DA (รุ่นอายุ 3.1 ปี, 5.1 ปี และ 7.6 ปี ตามลำดับ) โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 18,361 ล้านบาท หรือคิดเป็น 76% ของมูลค่าการซื้อขายพันธบัตรรัฐบาลทั้งหมด ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. หุ้นกู้ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) (THAI165A) มูลค่า 272.8 ล้านบาท
2. หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิและไม่มีประกันของบริษัท เหมราชพัฒนาที่ดิน จำกัด (มหาชน) (HEMRAJ177A) มูลค่า 212.6 ล้านบาท
3. หุ้นกู้ของบริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) (CPN15OA) มูลค่า 195.1 ล้านบาท
โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 680.5 ล้านบาท หรือคิดเป็น 44.9% ของมูลค่าการซื้อขายหุ้นกู้เอกชนทั้งหมดในวันนี้
ทางด้านประเภทของนักลงทุน ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุดเป็น 2 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. กลุ่มบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 8,197 ล้านบาท
2. กลุ่มสถาบันการเงินที่ไม่มีใบอนุญาตเพื่อค้าตราสารหนี้ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 956 ล้านบาท
ในขณะที่นักลงทุนต่างชาติ มียอดขายสุทธิ เท่ากับ -6,136 ล้านบาท
ผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 3 เดือน ปิดที่ 2.03% ไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากเมื่อวาน และผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปี ปิดที่ 3% ปรับตัวลดลงจากเมื่อวาน -0.04%
Yield Curve ปรับลดลง ในพันธบัตรรุ่นอายุ 3 ปีขึ้นไป ประมาณ 1-3 bps. ในขณะที่ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ ปรับลด 23.59 จุด จากความกังวลเกี่ยวกับประเด็นทางการเมือง ด้านปัจจัยต่างประเทศ นักลงทุนยังคงติดตามตัวเลข Jobless Claims ของสหรัฐฯ ที่จะประกาศออกมาคืนนี้ และล่าสุด ประธาน Fed (นางเจเน็ต เยลเลน) ออกมาส่งสัญญาณว่า จะยังคงใช้นโยบายสนับสนุนการขยายตัวของเศรษฐกิจต่อไป ซึ่งส่งผล