สำหรับ พันธบัตรรัฐบาล รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุดในวันนี้คือ พันธบัตรรุ่น LB196A, LB176A และ LB236A (รุ่นอายุ 5.1 ปี, 3.1 ปี และ 9.1 ปี ตามลำดับ) โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 16,684 ล้านบาท หรือคิดเป็น 78% ของมูลค่าการซื้อขายพันธบัตรรัฐบาลทั้งหมด ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ และไม่มีประกันของบริษัท เอเชี่ยน พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) (AP188A) มูลค่า 401.9 ล้านบาท
2. หุ้นกู้ของธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)(BAY174A) มูลค่า 151.3 ล้านบาท
3. หุ้นกู้บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน)(CPALL213B) มูลค่า 112.2 ล้านบาท
โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 665.4 ล้านบาท หรือคิดเป็น 47.7% ของมูลค่าการซื้อขายหุ้นกู้เอกชนทั้งหมดในวันนี้
ทางด้านประเภทของนักลงทุน ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุดเป็น 2 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. กลุ่มบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 4,852 ล้านบาท
2. กลุ่มบริษัทจดทะเบียนในประเทศ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 13,477 ล้านบาท
ในขณะที่นักลงทุนต่างชาติ มียอดขายสุทธิ เท่ากับ -614 ล้านบาท
ผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 3 เดือน ปิดที่ 2.03% ไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากเมื่อวาน และผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปี ปิดที่ 2.99% ปรับตัวลดลงจากเมื่อวาน -0.01%
Yield Curve ปรับลดลง ในพันธบัตรรุ่นอายุ 5 ปีขึ้นไป ประมาณ 1-2 bps. นักลงทุนยังคงกังวลกับสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศ ด้านปัจจัยต่างประเทศ ล่าสุดตัวเลข Jobless Claims ของสหรัฐฯ ลดลง 26,000 ราย สู่ระดับ 319,000 ราย ซึ่งลดลงมากกว่าที่ตลาดคาดไว้ ว่าจะปรับตัวลงมาอยู่ที่ระดับ 325,000 ราย สะท้อนให้เห็นว่าตลาดแรงงานของสหรัฐฯ มีแนวโน้มฟื้นตัว สำหรับนักลงทุนต่างชาติ มียอดขายสุทธิ (NET SELL) เท่ากับ 614 ล้านบาท