มีกำไรสุทธิ รวมทั้งสิ้น 1,586 ล้านบาท โดยเป็นกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่ 1,562 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 1.13 บาท เทียบกับไตรมาสก่อนเพิ่มขึ้น 127% ที่มีกำไรสุทธิสส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่ 688 ล้านบาท แต่ลดลง 29% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิสส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่ 2,197 ล้านบาท
ธุรกิจโรงกลั่นมีการกลั่นเฉลี่ย 97,820 บาร์เรลต่อวัน มีค่าการกลั่นรวม 1,986 ล้านบาท (6.88 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล) ลดลงร้อยละ 17 หรือคิดเป็น 418 ล้านบาท จากไตรมาสก่อนหน้า ในขณะที่ค่าการกลั่นพื้นฐานดีขึ้น ร้อยละ 30 คิดเป็น 422 ล้านบาท เนื่องจากส่วนต่างราคาน้ำมันสำเร็จรูปและน้ำมันดิบอ้างอิง (Crack Spread) มีการปรับเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตามในไตรมาสแรกของปี 2557 มีกำไรจากการทำธุรกรรมป้องกันความเสี่ยงด้านราคาน้ำมันดิบและผลิตภัณฑ์น้ำมันล่วงหน้า (GRM Hedging) ลดลงร้อยละ 74 คิดเป็น 263 ล้านบาท และกำไรจากสต๊อกน้ำมัน ลดลงร้อยละ 93 คิดเป็น 577 ล้านบาท
ด้านธุรกิจการตลาดมีปริมาณการจำหน่ายผลิตภัณฑ์น้ำมันรวม 1,240 ล้านลิตร ลดลงร้อยละ 4 เทียบกับไตรมาสก่อนหน้า จากการชะลอตัวของเศรษฐกิจ
ส่วนธุรกิจค้าปลีก บริษัทฯ มีนโยบายเน้นการจำหน่ายผ่านสถานีบริการเป็นหลัก ซึ่งเป็นช่องทางที่มีค่าการตลาดสูงกว่าช่องทางอื่น โดยขยายสถานีบริการ E20 เพิ่มเป็น 680 แห่ง และสถานีบริการ E85 เพิ่มเป็น 107 แห่ง ทั้งยังพัฒนาร้านสะดวกซื้อบิ๊กซีมินิในสถานีบริการน้ำมันบางจาก เพิ่มเป็น 68 แห่ง และเพิ่มร้านกาแฟอินทนิลเป็น 303 แห่ง เพื่อเพิ่มรายได้จากธุรกิจ Non-oil
สำหรับธุรกิจโครงการผลิตไฟฟ้าจากเซลล์แสงอาทิตย์ (Sunny Bangchak) ทั้ง 3 เฟส มีรายได้รวมเฉพาะไตรมาสแรก 456 ล้านบาท และมี EBITDA รวม 441 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 7 จากไตรมาสก่อนหน้า เนื่องจากปริมาณผลิตพลังงานไฟฟ้าเพิ่มขึ้น ร้อยละ 5 เป็นผลมาจากความเข้มแสงเฉลี่ยที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งโครงการผลิตไฟฟ้าจากเซลล์แสงอาทิตย์ระยะที่สาม ที่อำเภอประโคนชัย จังหวัดบุรีรัมย์ กำลังการผลิตจำหน่าย 8 เมกะวัตต์ ซึ่งเป็น 1 ใน 5 แห่งของสถานที่การก่อสร้าง ดำเนินการได้เร็วกว่าที่กำหนดไว้ จึงสามารถจำหน่ายไฟเชิงพาณิชย์ให้กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคได้เร็วขึ้น นอกจากนี้ ยังมี EBITDA จากธุรกิจผลิตไบโอดีเซลอีก 100 ล้านบาท