ทั้งนี้ DRT จึงวางแผนทำตลาดผ่านช่องทางดังกล่าวให้มากยิ่งขึ้น โดยเลือกทำเลที่ตั้งของห้างค้าปลีกวัสดุก่อสร้างที่มีศักยภาพ เพื่อจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายกระตุ้นให้เกิดการตัดสินใจซื้อสินค้าให้มากขึ้น พร้อมกันนี้ ยังเร่งทำตลาดกระเบื้องจตุลอน ซึ่งเป็นสินค้าที่ได้รับความนิยมจากลูกค้า โดยจัดทำภาพยนตร์โฆษณาความยาว 30 วินาที เพื่อตอกย้ำจุดเด่นสินค้ากระเบื้องจตุลอนไปยังกลุ่มลูกค้าได้รับรู้อีกด้วย
“เรามีมุมมองต่อตลาดวัสดุก่อสร้างในไตรมาส 2 ในทิศทางที่แกว่งตัว เนื่องจากปัจจัยการเมืองที่ยังไม่แน่นอน เราจึงทำรายการส่งเสริมการขายและทำภาพยนตร์โฆษณาเพื่อสื่อสารไปยังลูกค้า โดยมีเป้าหมายที่ต้องการกระตุ้นให้เกิดการตัดสินใจซื้อสินค้าให้เร็วขึ้น ซึ่งเชื่อว่าแนวทางดังกล่าวจะทำให้เราสามารถผลักดันยอดขายให้เติบโตได้ตามเป้าที่วางไว้" นายสาธิต กล่าว
ด้านนายอัศนี ชันทอง กรรมการผู้จัดการ DRT เปิดเผยว่า ผลประกอบการไตรมาสแรกประจำปี 57 (มกราคม-มีนาคม)บริษัทฯ มีรายได้ 1,152 ล้านบาทใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาที่มีรายได้ 1,156 ล้านบาท ส่วนกำไรสุทธิ ทำได้ 119.6 ล้านบาท ลดลง 22.8%
ทั้งนี้ รายได้ดังกล่าวมาจากสินค้าแบรนด์ตราเพชรที่มีความหลากหลายทั้งกลุ่มผลิตภัณฑ์ระบบหลังคา ไม้สังเคราะห์และอิฐมวลเบา สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ดี ประกอบกับเครือข่ายช่องทางการขายที่มีความแข็งแกร่งและสามารถบริหารการจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยพบว่ายอดขายจากกลุ่มลูกค้าต่างประเทศและกลุ่มลูกค้าโครงการมียอดขายเติบโตค่อนข้างโดดเด่น
ส่วนกำไรสุทธิที่ลดลง เนื่องจากการแข่งขันด้านราคาที่รุนแรงของกระเบื้องหลังคาไฟเบอร์ซีเมนต์ และผู้บริโภคส่วนใหญ่ที่เป็นเกษตรกรมีกำลังซื้อลดลงจากราคาพืชผลการเกษตรที่ตกต่ำ
อย่างไรก็ตาม หากเปรียบเทียบผลการดำเนินงานของไตรมาส 1/57 กับไตรมาส 4/56 ซึ่ง DRT มีรายได้อยู่ที่ 1,039 ล้านบาทและกำไรสุทธิ 73.9 ล้านบาทนั้น จะพบว่าบริษัทมีขีดความสามารถการแข่งขันและการทำตลาดของแบรนด์ตราเพชรในไตรมาสแรกปีนี้มีประสิทธิภาพดีขึ้น ซึ่งสามารถรองรับปัจจัยลบต่างๆ ที่ส่งผลต่อตลาดวัสดุก่อสร้างชะลอตัวได้ จึงทำให้ผลการดำเนินงานไตรมาส 1/57 สามารถทำรายได้เพิ่มขึ้น 114 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 11% และกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 45.7 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นถึง 61.8% เมื่อเทียบกับผลการดำเนินงานของไตรมาส 4/56 ที่ผ่านมา