อันดับเครดิตสะท้อนถึงสถานะผู้นำของบริษัท ตลอดจนผลงานที่ได้รับการยอมรับในตลาดพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ แบรนด์ที่มีชื่อเสียงในตลาดคอนโดมิเนียมและบ้านจัดสรร รวมถึงความหลากหลายของสินค้า อย่างไรก็ตาม จุดแข็งดังกล่าวลดทอนลงไปบางส่วนจากการที่บริษัทมีอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนที่สูงกว่าบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ส่วนใหญ่ ตลอดจนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่ค่อนข้างสูง และความกังวลในการยกเลิกการจองจากลูกค้าที่เพิ่มสูงขึ้น
ทั้งนี้ การประเมินอันดับเครดิตยังคำนึงถึงลักษณะของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นวงจรขึ้นลง รวมถึงความกังวลต่อสถานการณ์ความไม่สงบทางการเมืองซึ่งทำให้ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคลดลงและความต้องการที่อยู่อาศัยซบเซา
ในขณะที่แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable" หรือ “คงที่" สะท้อนถึงความคาดหวังว่าบริษัทจะสามารถส่งมอบยอดขายที่รอการรับรู้รายได้ได้ตามแผน อีกทั้งควรรักษาอัตรากำไรจากการดำเนินงานไว้ที่ระดับสูงกว่า 10% ในอีก 3 ปีข้างหน้า นอกจากนี้ บริษัทควรรักษาอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนให้อยู่ในระดับไม่เกินกว่า 67% หรือเทียบเท่ากับอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อทุนที่น้อยกว่า 2 เท่าในระยะปานกลาง
SIRI เป็นหนึ่งในผู้ประกอบการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของไทย ณ เดือนมีนาคม 2557 บริษัทมีโครงการที่อยู่อาศัยจำนวน 114 โครงการ คิดเป็นมูลค่ารวมประมาณ 140,000 ล้านบาท โดยประกอบด้วยโครงการคอนโดมิเนียมคิดเป็น 60% ของมูลค่าโครงการทั้งหมด บ้านเดี่ยว 32% และทาวน์เฮ้าส์ 8% ราคาขายเฉลี่ยต่อหน่วยของที่อยู่อาศัยโดยรวมอยู่ที่ 3.3 ล้านบาท ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2557 บริษัทมีมูลค่ายอดขายรอการรับรู้รายได้สูงถึง 51,000 ล้านบาท และมีจำนวนหน่วยเหลือขายมูลค่าประมาณ 57,000 ล้านบาท บริษัทมีความได้เปรียบในการแข่งขันจากการมีแบรนด์ที่อยู่อาศัยที่ได้รับการยอมรับเป็นอย่างดี รวมถึงการมีกลยุทธ์ทางการตลาดที่แข็งแกร่ง
ยอดขายของบริษัทในปี 2555-2556 อยู่ที่ประมาณ 42,000 ล้านบาทต่อปี ยอดขายสุทธิในช่วงไตรมาสแรกของปี 2557 ลดลงอย่างมากเหลือ 388 ล้านบาทจาก 20,903 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปี 2556 ทั้งนี้ เนื่องจากบริษัทมียอดยกเลิกการจองเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในโครงการคอนโดมิเนียม “ดี คอนโด" ทั้งนี้ ยอดขายคอนโดมิเนียมติดลบ 1,800 ล้านบาท ในขณะที่ยอดขายจากบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮ้าส์อยู่ที่ประมาณ 2,200 ล้านบาท จากการมียอดขายที่ต่ำและจำนวนโครงการเปิดใหม่ที่ลดลงในปี 2557 ทริสเรทติ้งคาดว่ายอดขายของบริษัทในปี 2557 จะต่ำกว่ายอดขายในช่วงปี 2555-2556
รายได้ของบริษัทในปี 2556 เท่ากับ 28,597 ล้านบาท ลดลง 4% จากปี 2555 โดยรายได้ของบริษัทต่ำกว่าที่ ทริสเรทติ้งคาดการณ์ไว้เนื่องจากบริษัทไม่สามารถส่งมอบยอดขายที่รอการรับรู้รายได้ในโครงการคอนโดมิเนียมได้ตามแผน ซึ่งมีสาเหตุมาจากยอดยกเลิกที่ค่อนข้างสูงเนื่องจากความเชื่อมั่นของผู้บริโภคต่อภาวะเศรษฐกิจในประเทศที่ลดลงและความล่าช้าในการได้รับรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ภายใต้สมมุติฐานของทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะสามารถบริหารการส่งมอบยอดขายที่รอการรับรู้รายได้ได้ตามแผน ดังนั้น รายได้ของบริษัทในปี 2557 จึงไม่ควรต่ำกว่า 20,000 ล้านบาทซึ่งเท่ากับจำนวนยอดขายที่รอการส่งมอบในปีนี้
อัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทอยู่ที่ 33%-34% ของรายได้รวมในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารของบริษัทยังคงอยู่ในระดับสูงที่ 20% ในช่วงปี 2554-2555 และเพิ่มขึ้นเป็น 24% ในปี 2556 ดังนั้น อัตรากำไรจากการดำเนินงาน (ซึ่งคำนวณโดยอัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้) ยังคงลดลงจาก 16% ในปี 2553 เป็น 10% ในปี 2556 ในอีก 3 ปีข้างหน้า
ทริสเรทติ้งคาดว่าอัตรากำไรจากการดำเนินงานของบริษัทจะไม่ลดลงต่ำกว่าระดับปัจจุบัน อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทค่อนข้างสูงที่ 61%-63% ในช่วงปี 2553-2555 และเพิ่มขึ้นเป็น 67% ในปี 2556 บริษัทควรรักษาอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนให้อยู่ในระดับที่ต่ำกว่า 67% ในระยะปานกลางเพื่อรักษาอันดับเครดิตที่ระดับปัจจุบันไว้ สภาพคล่องทางการเงินของบริษัทอ่อนแอลง
โดยอัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมลดลงเหลือ 4% ในปี 2556 จาก 12%-14% ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา ในภาวะที่ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคลดลงและความต้องการในที่อยู่อาศัยที่ชะลอตัว ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะยังคงสามารถบริหารสภาพคล่องได้ต่อไป โดยคาดว่าบริษัทจะสามารถรักษากระแสเงินสดขั้นต่ำเอาไว้ได้ที่ประมาณ 2,000 ล้านบาทต่อปี