ประการสำคัญในปีนี้ภาครัฐได้กำหนดมาตรการป้องกันปัญหาการลักลอบทิ้งกากอุตสาหกรรมอย่างเข้มงวดมากขึ้น ทั้งโทษจำ และโทษปรับ รวมทั้งมีบทลงโทษถึงขั้นปิดโรงงานหากพบว่าการกำจัดกากอุตสาหกรรมไม่ได้ทำอย่างถูกต้อง และให้โรงงานในปัจจุบันมีส่วนร่วมในการรับผิดชอบกำจัดกากอุตสาหกรรมอย่างถูกวิธีมากยิ่งขึ้น ดังนั้น บริษัท ในฐานะที่เป็นเตาเผาทำลายกากอุตสาหกรรมแห่งเดียวในประเทศไทยที่ไม่ก่อให้เกิดมลพิษ จึงได้รับผลดีจากมาตรการดังกล่าวโดยตรง และคาดว่าจะส่งผลให้ธุรกิจเติบโตต่อเนื่องจากปีก่อนได้
“หลังจากที่มีปัญหาเรื่องไฟไหม้บ่อขยะในตำบลแพรกษา จังหวัดสมุทรปราการ ทำให้ภาครัฐต้องออกมาตรการขั้นเด็ดขาดเพิ่มขึ้น โดยเตรียมเพิ่มบทลงโทษสำหรับผู้กระทำผิดทั้งโทษจำคุก และโทษปรับ รวมทั้งสั่งปิดกิจการและยึดใบอนุญาต ทำให้โรงงานตื่นตัวและหันมากำจัดกากอุตสาหกรรมด้วยกระบวนการที่ถูกต้องมากขึ้น อัคคีปราการในฐานะผู้ประกอบการรายเดียวในประเทศไทยที่กำจัดกากอุตสาหกรรมด้วยวิธีเผาด้วยเตาความร้อนสูงและไม่ก่อให้เกิดมลพิษ จึงได้รับประโยชน์จากมาตรการของภาครัฐอย่างชัดเจน ประกอบกับที่ผ่านมาเราได้ดำเนินกิจกรรมทางการตลาดอย่างต่อเนื่อง และได้เสริมความแข็งแกร่งระบบขนส่งกากอุตสาหกรรมจนสามารถรับงานจากลูกค้าได้คล่องตัวกว่าเดิม จึงเชื่อว่าจะช่วยสนับสนุนให้ผลประกอบการของ AKP เติบโตอย่างต่อเนื่องจากปีก่อนได้"นายวันชัย กล่าว
ส่วนผลการดำเนินงานงวด 3 เดือน ประจำไตรมาส 1/57 สิ้นสุด 31 มี.ค.57 บริษัทมีรายได้จากการให้บริการรวม 112.73 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.14 ล้านบาท หรือ ร้อยละ 15.51 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ทำได้ 97.59 ล้านบาท โดยมีต้นทุนจากการให้บริการ 78.05 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.99 ล้านบาท หรือร้อยละ 8.31 เพิ่มขึ้นในอัตราที่ต่ำกว่าการเพิ่มขึ้นของรายได้ จึงส่งผลให้กำไรสุทธิเติบโตเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อน โดยในไตรมาส 1/57 บริษัทมีกำไรสุทธิ 11.93 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.71 ล้านบาท หรือ ร้อยละ 6.32 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน