อันดับเครดิต "AA-" ยังคงสะท้อนถึงสถานะความเป็นผู้นำในธุรกิจศูนย์การค้า ตลอดจนผลงานในการบริหารศูนย์การค้าที่มีคุณภาพในระดับสูง กระแสเงินสดที่สม่ำเสมอจากรายได้ค่าเช่าและค่าบริการ และนโยบายทางการเงินที่มีความระมัดระวัง ทั้งนี้ การพิจารณาอันดับเครดิตยังคำนึงถึงความต้องการเงินลงทุนจำนวนมากเพื่อใช้รองรับแผนการขยายธุรกิจของบริษัทในช่วงปี 2557-2559 ด้วย
ขณะที่แนวโน้มอันดับเครดิต "Stable" หรือ "คงที่" สะท้อนถึงความคาดหวังว่าบริษัทจะยังคงรักษาผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งของศูนย์การค้าไว้ได้ แม้ว่าบริษัทจะมีแผนการขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง แต่ก็คาดว่าบริษัทจะรักษาวินัยทางการเงินในการดำรงอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้นให้อยู่ในระดับไม่เกิน 1 เท่าในระยะปานกลางได้
CPN เป็นผู้พัฒนาศูนย์การค้าที่ใหญ่ที่สุดในประเทศโดยมีตระกูลจิราธิวัฒน์เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในสัดส่วน 29% รองลงมาคือ บริษัท เซ็นทรัล โฮลดิ้ง จำกัด ซึ่งเป็นผู้นำในธุรกิจค้าปลีกของไทย (26%) การเป็นสมาชิกในเครือเซ็นทรัลทำให้บริษัทได้รับประโยชน์จากการมีห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเป็นร้านค้าหลักภายในศูนย์การค้าของบริษัท ณ เดือนมีนาคม 2557 บริษัทเป็นผู้พัฒนาและบริหารศูนย์การค้าจำนวน 24 แห่งในเขตกรุงเทพฯ และในจังหวัดสำคัญโดยมีพื้นที่ค้าปลีกรวม 1.3 ล้านตารางเมตร (ตร.ม.) บริษัทคงความเป็นผู้นำในธุรกิจบริหารศูนย์การค้าในประเทศมาอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อเปรียบเทียบพื้นที่ค้าปลีกในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลแล้ว บริษัทมีส่วนแบ่งทางการตลาดประมาณ 20% ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา
บริษัทมีผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งจากการมีอัตราการเช่าพื้นที่ในระดับสูงและรายได้ค่าเช่าของศูนย์การค้าเดิมที่เติบโตอย่างสม่ำเสมอ บริษัทมีอัตราการเช่าศูนย์การค้าโดยเฉลี่ยที่ระดับสูงกว่า 95% ตั้งแต่ปี 2550 เป็นต้นมา ศูนย์การค้าใหม่ได้แก่ เซ็นทรัล พลาซา อุบลราชธานี และเซ็นทรัล เฟสติวัล เชียงใหม่ มีอัตราการเช่าพื้นที่ ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2556 สูงถึง 99.8% และ 92.2% ตามลำดับ แม้ว่าศูนย์การค้าเซ็นทรัล เฟสติวัล หาดใหญ่จะมีอัตราการเช่าพื้นที่เพียง 77.5% ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2556 แต่อัตราการเช่าพื้นที่ได้เพิ่มขึ้นเป็น 84% ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2557 รายได้ค่าเช่าและบริการของบริษัทเพิ่มขึ้นเป็น 15,325 ล้านบาทในปี 2555 และ 18,128 ล้านบาทในปี 2556 จาก 10,853 ล้านบาทในปี 2554 ทั้งนี้ เป็นผลมาจากการเปิดศูนย์การค้าใหม่หลายแห่งและรายได้ค่าเช่าของศูนย์การค้าเดิมที่เติบโต 29% ในปี 2555 และ 12% ในปี 2556
อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายของบริษัทเพิ่มขึ้นเป็น 49% ในปี 2555 และ 51% ในปี 2556 จาก 41%-42% ในช่วงปี 2552-2554 ความสามารถในการทำกำไรของบริษัทที่ปรับตัวดีขึ้นได้รับแรงหนุนมาจากความสามารถในการปรับขึ้นอัตราค่าเช่าและการควบคุมค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารได้ดีขึ้น อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนดีขึ้นเป็น 59% ในปี 2555 และ 47% ในปี 2556 จากที่ระดับมากกว่า 60% ในช่วงปี 2553-2554 สภาพคล่องทางการเงินของบริษัทก็แข็งแกร่งขึ้น โดยอัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมเพิ่มขึ้นเป็น 24% ในปี 2555 และ 28% ในปี 2556 จาก 12% ในช่วงปี 2553-2554
ทั้งนี้ สภาพคล่องทางการเงินของบริษัทได้รับแรงหนุนจากเงินสดในมือประมาณ 1,900 ล้านบาทและวงเงินกู้ยืมจากธนาคารที่ยังไม่ได้เบิกใช้อีกประมาณ 9,700 ล้านบาท ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2556 แม้ว่าบริษัทจะมีความต้องการใช้เงินลงทุนจำนวนมากประมาณ 16,000 ล้านบาทต่อปีในช่วงปี 2557-2559 แต่ทริสเรทติ้งก็คาดว่าบริษัทจะสามารถรักษาอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนให้น้อยกว่า 55% ได้ในระยะปานกลาง โดยคาดว่าบริษัทจะมีกระแสเงินสดประมาณ 10,000 ล้านบาทต่อปี