ภาวะตลาดตราสารหนี้ไทยประจำสัปดาห์: มีมูลค่าการซื้อขายรวม 399,785 ลบ.

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday May 12, 2014 18:04 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) สรุปภาวะตลาดตราสารหนี้ประจำสัปดาห์ (6 - 9 พฤษภาคม 557) ปริมาณการซื้อขายตราสารหนี้มีมูลค่ารวม399,785 ล้านบาท หรือเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณวันละ 99,946 ล้านบาท ปรับตัวลดลงจากสัปดาห์ก่อนหน้าประมาณ 8% ทั้งนี้เมื่อแยกตามประเภทของตราสารแล้วจะพบว่ากว่า 63% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมด หรือประมาณ 253,839 ล้านบาท เป็นการซื้อขายในตราสารหนี้ที่ออกโดยธนาคารแห่งประเทศไทย (State Agency Bond) ซึ่งส่วนใหญ่แล้วเป็นตราสารที่มีอายุคงเหลือค่อนข้างน้อย (ไม่เกิน 6 เดือน) ขณะที่พันธบัตรรัฐบาลที่ออกโดยกระทรวงการคลัง (Government Bond) มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 82,630 ล้านบาท และหุ้นกู้ที่ออกโดยภาคเอกชน (Corporate Bond) มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 5,375 ล้านบาท หรือคิดเป็น 21% และ 1% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมดที่เกิดขึ้น ตามลำดับ

สำหรับพันธบัตรรัฐบาล รุ่นที่มีปริมาณการซื้อขายสูงที่สุด 3 อันดับแรกคือรุ่น LB196A (อายุ 5.1 ปี) LB176A (อายุ 3.1 ปี) และ LB21DA (อายุ 7.6 ปี) โดยมีมูลค่าการซื้อขายในแต่ละรุ่นเท่ากับ 22,116 ล้านบาท 18,041 ล้านบาท และ 17,016 ล้านบาท ตามลำดับ ส่วนพันธบัตรที่ออกโดยธนาคารแห่งประเทศไทย รุ่นที่มีปริมาณซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรก คือรุ่น CB14527A (อายุ 13 วัน) CB14807B (อายุ 91 วัน) และ CB14N06A (อายุ 182 วัน) มูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 31,567 ล้านบาท 23,568 ล้านบาท และ 18,515 ล้านบาท ตามลำดับ

ขณะที่หุ้นกู้ภาคเอกชน ที่มีปริมาณการซื้อขายสูงที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่ หุ้นกู้ของบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) รุ่น THAI165A (A+) มูลค่าการซื้อขาย 546 ล้านบาท หุ้นกู้ของบริษัท เอเชี่ยน พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) รุ่น AP188A (A-) มูลค่าการซื้อขาย 402 ล้านบาท และหุ้นกู้ของธนาคาร กรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) รุ่น BAY164A (AAA) มูลค่าการซื้อขาย 297 ล้านบาท

เส้นอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล (Yield Curve) ของตราสารหนี้อายุตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป ปรับตัวลดลงในช่วงประมาณ -4 ถึง -11 Basis Point (100 Basis point มีค่าเท่ากับ 1%) ตามแรงซื้อของนักลงทุนสถาบันภายในประเทศ ภายหลังศาลรัฐธรรมนูญมีมติให้ความเป็นรัฐมนตรีของนายกฯ และรัฐมนตรีอีก 9 คน สิ้นสุดลง อย่างไรก็ตาม นอกจากนี้ คณะกรรมการ ป.ป.ช. ยังมีมติชี้มูลความผิดอดีตนายกฯ ในกรณีทุจริตโครงการจำนำข้าว อย่างไรก็ตาม ด้วยสถานการณ์ทางการเมืองที่ยังไม่มีทีท่าว่าจะยุติลงได้ อีกทั้งยังคงมีความไม่แน่นอนในการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ ทำให้มีแรงซื้อเข้ามาในสินทรัพย์ปลอดภัย เช่น ตลาดพันธบัตร มากขึ้น ประกอบกับปริมาณการออกใหม่ (Supply) ของพันธบัตรรัฐบาลที่ยังมีอยู่ค่อนข้างจำกัด เนื่องจากในเดือนนี้จะไม่มีการประมูลพันธบัตรรัฐบาลรุ่นอ้างอิง อายุ 5, 10 และ 15 ปี แรงซื้อที่มีมากกว่าปริมาณของพันธบัตรส่งผลให้ราคาตราสารหนี้ปรับตัวสูงขึ้น (Yield ลดลง) ในที่สุด

นักลงทุนต่างชาติมียอด ขายสุทธิ ในตราสารหนี้ทุกประเภท (ทั้งระยะสั้น และระยะยาว) รวมกัน 15,698 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นการขายสุทธิในตราสารหนี้ระยะยาว 1,181 ล้านบาท และขายสุทธิในตราสารหนี้ระยะสั้น (อายุคงเหลือน้อยกว่า 1 ปี) 14,517 ล้านบาท ทางด้านนักลงทุนรายย่อยมียอดขายสุทธิ 160 ล้านบาท


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ