IVL เผย Q1/57 ปริมาณการผลิตดัน EBITDA โตจาก Q1/56 แม้กำไรสุทธิลดลง

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday May 12, 2014 19:24 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอาลก โลเฮีย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.อินโดรามา เวนเจอร์ส(IVL)เปิดเผยว่า ไตรมาส 1/57 มีรายได้รวม 61.6 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 11 เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปี 56 กำไรหลักรวมก่อนหักดอกเบี้ย ภาษีเงินได้ ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (Core EBITDA) เติบโตร้อยละ 83 อยู่ที่ 5.1 พันล้านบาท ซึ่งการเติบโตของรายได้เป็นผลมาจากปริมาณการผลิตที่เพิ่มขึ้น แม้ว่าราคาวัตถุดิบจะมีการปรับตัวลดลงอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้ราคาผลิตภัณฑ์คอมโมดิตี้ทั้ง PET และโพลีเอสเตอร์ลดลงด้วยเช่นกัน บริษัทมีการขาดทุนขาดทุนสินค้าคงเหลือ 33 ล้านเหรียญสหรัฐในไตรมาส 1/57 เปรียบเทียบกับกำไรจากสินค้าคงเหลือจำนวน 11 ล้านเหรียญสหรัฐในไตรมาสเดียวกันของปี 56

“บริษัทมีผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่ง โดยมี Core EBITDA เพิ่มขึ้นอยู่ที่ 155 ล้านเหรียญสหรัฐ เมื่อเทียบกับ 93 ล้านเหรียญสหรัฐในไตรมาส 1/56 เนื่องจากความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ปริมาณการผลิตและกำไรเพิ่มขึ้น IVL ได้รับประโยชน์จากการขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์มูลค่าเพิ่มและโครงการด้านความเป็นเลิศในการปฏิบัติงานแม้ในสภาพแวดล้อมที่มีความท้าทาย"นายอาลก กล่าว

อย่างไรก็ตาม IVL รายงานว่า บริษัทและบริษัทย่อย ไตรมาส 1/57 มีกำไรสุทธิ 368.48 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.08 บาท เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 490.98 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.10 บาท

ทั้งนี้ นายอาลก ระบุว่า ธุรกิจผลิตภัณฑ์มูลค่าเพิ่มและผลิตภัณฑ์คอมโมดิตี้ในเอเชีย มีกำไรหลักรวมก่อนหักดอกเบี้ย ภาษีเงินได้ ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (Core EBITDA) เพิ่มขึ้นอย่างมากอยู่ที่ 56 ล้านเหรียญสหรัฐและ 25 ล้านเหรียญสหรัฐตามลำดับในไตรมาส 1/57 หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 63 และร้อยละ 86 เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/56 ในขณะที่ธุรกิจผลิตภัณฑ์คอมโมดิตี้ในตะวันตกยังคงมีผลการดำเนินงานที่ดีคงที่อย่างต่อเนื่อง

ธุรกิจ PTA ในเอเชียยังคงอ่อนตัว แต่ปริมาณการผลิต EO/EG ที่ปรับตัวดีขึ้น ประกอบกับกำไรที่แข็งแกร่งของเอทิลีนออกไซด์บริสุทธ์หรือ PEO ทำให้มีกำไรหลักรวมก่อนหักดอกเบี้ย ภาษีเงินได้ ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (Core EBITDA) เพิ่มขึ้นอยู่ที่ 55 ล้านเหรียญสหรัฐ เปรียบเทียบกับ 36 ล้านเหรียญสหรัฐในไตรมาสเดียวกันปีที่แล้ว สำหรับสถานการณ์ภาวะอุปทานส่วนเกินของ PTA ในเอเชีย บริษัทฯ มองว่า กำไรจะค่อยๆปรับตัวดีขึ้น เนื่องจากเริ่มมีการปรับสมดุลอุปทานของอุตสาหกรรมและคาดว่าผู้ผลิตมีวินัยเพิ่มขึ้น"

“ผลิตภัณฑ์มูลค่าเพิ่ม (HVA) ยังคงเป็นกลุ่มธุรกิจที่มีความสำคัญเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันคิดเป็นสัดส่วนกว่าหนึ่งในสี่ของรายได้และหนึ่งในสามของ core EBITDA ความสำเร็จของการเข้าซื้อกิจการร้อยละ 80 ของบริษัท PHP Fibers ซึ่งเป็นผู้ผลิตเส้นใยไนลอน 66 ระดับโลกที่ใช้ในถุงลมนิรภัย ที่เสร็จสิ้นเมื่อเดือนเมษายน 57 นับเป็นการก้าวแรกของ IVL ในการเข้าสู่ธุรกิจถุงลมนิรภัยและเส้นใยสำหรับยางรถยนต์ การเริ่มดำเนินงานของธุรกิจบรรจุภัณฑ์ในประเทศไนจีเรีย ทำให้มีปริมาณความต้องการเม็ดพลาสติก PET เพิ่มมากขึ้นและคาดว่าจะยิ่งเพิ่มสูงขึ้นจากการที่บริษัทฯเข้าสู่ตลาดกาน่า โรงงานบรรจุภัณฑ์แห่งใหม่ในประเทศฟิลิปปินส์จะช่วยให้เราสามารถให้บริการลูกค้าที่เป็นแบรนด์ชั้นนำระดับโลกของเราในตลาดที่ยังมีช่องว่างและมีความต้องการสูง"นายอาลก กล่าว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ