ประกอบกับผลการดำเนินงานของธุรกิจถ่านหินทั้งในอินโดนีเซีย และออสเตรเลียปรับตัวดีขึ้นแม้ว่าสภาวะราคาถ่านหินจะยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ก็ตาม ในขณะเดียวกัน บริษัทฯ ยังรับรู้กำไรจากบริษัทร่วมจำนวน 26 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยโรงไฟฟ้าบีแอลซีพี (ซึ่งบ้านปูฯ ถือหุ้นร้อยละ 50) มีส่วนแบ่งกำไรที่ดีอย่างต่อเนื่องที่ 20 ล้านเหรียญสหรัฐ ขณะที่ธุรกิจถ่านหินในประเทศจีนรายงานส่วนแบ่งกำไรจำนวน 4.7 ล้านเหรียญสหรัฐ
ในไตรมาส 1/57 บริษัทมีปริมาณขายถ่านหินจากแหล่งผลิตในอินโดนีเซีย และออสเตรเลีย รวมจำนวน 10.93 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 0.95 ล้านตัน จาก 9.98 ล้านตันในไตรมาส 1/56 หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 10 สำหรับราคาขายถ่านหินในไตรมาสนี้
แม้ว่าสภาวะราคาถ่านหินที่ยังไม่ฟื้นตัวจะส่งผลให้ราคาขายถ่านหินเฉลี่ยจากแหล่งผลิตในอินโดนีเซียปรับตัวลดลง (เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปี 56) แต่ราคาขายถ่านหินของเหมืองถ่านหินในออสเตรเลียปรับตัวสูงขึ้นมาอยู่ที่ 75.40 เหรียญออสเตรเลียต่อตัน เทียบกับ 65.56 เหรียญออสเตรเลียต่อตันในไตรมาส 1/56 เนื่องจากได้รับผลดีจากสัญญาราคาขายถ่านหินในประเทศที่มีเสถียรภาพสูงซึ่งช่วยลดผลกระทบด้านราคาในตลาดส่งออก นอกจากนี้สัดส่วนการส่งออกถ่านหินที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับการอ่อนค่าของเงินเหรียญออสเตรเลีย (ต่อเหรียญสหรัฐ) ในไตรมาสนี้ ส่งผลดีต่อราคาขายถ่านหินเฉลี่ยของออสเตรเลีย
จากการเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต และการบริหารต้นทุนการผลิตมาอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตของกลุ่มเหมืองในอินโดนีเซียและออสเตรเลียอยู่ในระดับที่ดีที่ 44.78 เหรียญสหรัฐต่อตัน และ 52.98 เหรียญออสเตรเลียต่อตันตามลำดับ เทียบกับ 53.70 เหรียญสหรัฐต่อตัน และ 58.41 เหรียญออสเตรเลียต่อตันในไตรมาส 1 ของปีก่อนหน้า หรือลดลง ร้อยละ 17 และร้อยละ 9 ตามลำดับ
"ความสามารถในการบริหารต้นทุนการขายให้อยู่ในระดับที่ดีของบริษัทฯ ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นของธุรกิจถ่านหินในไตรมาสนี้ปรับตัวสูงขึ้นเป็นร้อย 35 จากร้อยละ 27 ในงวดเดียวกันของปีก่อนหน้า ขณะที่การอ่อนตัวของราคาถ่านหินส่งผลดีให้ธุรกิจไฟฟ้ามีต้นทุนลดลงและเป็นผลให้อัตรากำไรขั้นต้นของธุรกิจไฟฟ้าปรับตัวสูงขึ้นมาอยู่ที่ร้อยละ 33 จากร้อยละ 29 ในงวดเดียวกันของปีก่อนหน้า"นายชนินท์ กล่าว
ในไตรมาส 1/57 มีรายได้จากการขายรวมจำนวน 831 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 27,140 ล้านบาท) ลดลงร้อยละ 1 จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า แบ่งเป็นรายได้จากการจำหน่ายถ่านหิน จำนวน 771 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 25,182 ล้านบาท) คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 93 ของรายได้จากการขายรวม ขณะที่มีรายได้จากการจำหน่ายไฟฟ้าและไอน้ำ จากโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วม 3 แห่งในประเทศจีน จำนวน 54 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 1,768 ล้านบาท) คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 7 ของรายได้จากการขายรวม