ประกอบกับ บริษัทปรับกลยุทธ์เปิดโครงการให้มีขนาดเล็กลง ส่งผลให้มีโครงการที่จะเปิดตัวในปีนี้ทั้งหมดไม่ต่ำกว่า 50 โครงการ จากที่คาดไว้เบื้องต้น 30-50 โครงการ มูลค่าโครงการรวมไม่ต่ำกว่า 5 หมื่นล้านบาท ขณะที่บริษัทมียอดขายรอโอนในมือ(Backlog)ราว 18,848 ล้านบาท แบ่งเป็นทาวน์เฮาส์กว่า 5 พันล้านบาท บ้านเดี่ยวกว่า 3 พันล้านบาท คอนโดมิเนียมกว่า 9 พันล้านบาท ที่เหลือเป็นโครงการในต่างประเทศอีกราว 200 ล้านบาท
"ยอดขายในปีนี้เรามองว่าคงเติบโตได้ 12% ซึ่งมากกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ เพราะเรามีการปรับกลยุทธ์ใหม่ โดยการเปิดโครงการให้มีขนาดที่เล็กลง เปิดโครงการมากขึ้น ช่วยให้การทำการตลาดดีขึ้น เร่งยอดขายได้ดีกว่าเดิม ขณะที่รายได้เราก็ยังมองว่าจะทำได้ในกรอบเดิมที่ตั้งไว้ 4.1-4.2 หมื่นล้านบาท สำหรับสถานการณ์การเมืองที่เกิดขึ้นนั้นก็ยังไม่สามารถประเมินได้ว่าจะจบลงเมื่อไหร่ หากไม่มีความรุนแรงเพิ่มเติมเราก็คงจะทำได้ตามเป้าหมาย เพราะเราเน้นการปรับกลยุทธ์ของบริษัทเองมากกว่า"นายเลอศักดิ์ กล่าว
นายเลอศักดิ์ กล่าวว่า แนวโน้มรายได้และกำไรในช่วงไตรมาส 2/57 เชื่อว่าจะดีกว่าไตรมาส 1/57 ซึ่งเป็นการเติบโตตามฤดูกาลของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ โดยบริษัทจะมีการเปิดโครงการใหม่ 22 โครงการในไตรมาสนี้ รวมมูลค่าโครงการราว 1.8 หมื่นล้านบาท มากกว่าไตรมาส 1/57 ที่มีการเปิดโครงการใหม่ 18 โครงการ
ส่วนแนวโน้มครึ่งปีหลังก็คาดว่าจะมีการเติบโตมากกว่าครึ่งปีแรกทั้งในด้านรายได้และกำไร
นายเลอศักดิ์ กล่าวต่อว่า สำหรับโครงการในต่างประเทศนั้น บริษัทอยู่ระหว่างการศึกษารายละเอียดการลงทุนโครงการคอนโดมิเนียมในประเทศอินโดนีเซีย โดยปัจจุบันเริ่มมีผู้เสนอพื้นที่ก่อสร้างเข้ามาบ้างแล้ว คาดว่าจะเห็นความชัดเจนช่วงปลายไตรมาส 2/57 และโครงการใหม่ในอินเดียนั้น ได้ซื้อที่ดินไว้รองรับแล้ว อยู่ระหว่างการศึกษาเพื่อให้โครงการมีความเหมาะสมกับวัฒนธรรมคนอินเดียมากที่สุด คาดว่าจะได้ข้อสรุปช่วงปลายไตรมาส 2/57 ถึงไตรมาส 3/57