(เพิ่มเติม) ตลท.รับหลักทรัพย์ OTO เข้าเทรดใน mai เริ่ม 15 พ.ค.57

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday May 14, 2014 14:27 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย รับหลักทรัพย์ บมจ.วันทูวัน คอนแทคส์ (OTO) เริ่มทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) 15 พฤษภาคม 2557 หมวดธุรกิจธุรกิจขนาดกลาง จำนวนหุ้น IPO 70 ล้านหุ้น ราคา Par 1 บาท/หุ้น ราคา IPO 5.40 บาท

นายประพันธ์ เจริญประวัติ ผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ(mai) เปิดเผยว่า OTO เป็นบริษัทย่อยของ บมจ.สามารถคอร์ปอเรชั่น (SAMART) ซึ่งประกอบธุรกิจด้านการบริการลูกค้าผ่านศูนย์บริการข้อมูลครบวงจร (Contact Center) ประกอบด้วยการบริหารจัดการศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์แบบเต็มรูปแบบ การบริการจัดหาเจ้าหน้าที่ลูกค้าสัมพันธ์ และการบริการระบบศูนย์ข้อมูลและอุปกรณ์ รวมถึงการให้บริการออกแบบ พัฒนา และติดตั้งระบบศูนย์บริการข้อมูลแบบเบ็ดเสร็จ

OTO มีทุนชำระแล้ว 280 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญเดิม 210 ล้านหุ้น และหุ้นสามัญเพิ่มทุน 70 ล้านหุ้น โดยนำหุ้นทั้งหมดจำนวน 80 ล้านหุ้น เสนอขายแก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ในราคาหุ้นละ 5.40 บาท แบ่งเป็นเสนอขายต่อผู้ถือหุ้น SAMART (Pre-emptive rights) 20 ล้านหุ้น เมื่อวันที่ 28 เมษายน – 2 พฤษภาคม และเสนอขายต่อประชาชนทั่วไป 60 ล้านหุ้น เมื่อวันที่ 6-8 พฤษภาคม โดยมีมูลค่าระดมทุนทั้งสิ้น 378 ล้านบาท โดยมีบริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) เป็นที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย

นางสุกัญญา วนิชจักร์วงศ์ กรรมการผู้จัดการ OTO เปิดเผยว่า การเข้าจดทะเบียนใน mai จะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งทางด้านการเงินของบริษัทเพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจ ที่มุ่งขยายธุรกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมทั้งใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน เพื่อเป้าหมายในการผู้นำด้านศูนย์บริการข้อมูลครบวงจรในระดับอาเซียน

OTO มีผู้ถือหุ้นใหญ่ 3 รายแรกหลัง IPO ได้แก่ กลุ่ม SAMART ถือหุ้น 71.43% กลุ่มวิไลลักษณ์ ถือหุ้น 3.16% และกองทุนเปิดบัวหลวงหุ้นระยะยาว จำกัด ถือหุ้น 0.56 % ทั้งนี้ตามข้อมูลที่ระบุไว้ในหนังสือชี้ชวน การกำหนดราคาหุ้น IPO มาจากการสำรวจความต้องการซื้อหลักทรัพย์ของผู้ลงทุนสถาบัน (Book Building) โดยราคาดังกล่าวคิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไร (P/E Ratio) 16.86 เท่า คำนวณจากกำไรสุทธิของบริษัทฯ ในช่วง 12 เดือนย้อนหลัง (มกราคม ถึงธันวาคม 2556) หารด้วยจำนวนหุ้นสามัญทั้งหมดของบริษัทหลังการเสนอขายหุ้นครั้งนี้ (fully diluted) คิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้น 0.32 บาท

ทั้งนี้ บริษัทมีนโยบายจ่ายเงินปันผลไม่น้อยกว่า 50% ของกำไรสุทธิตามงบการเงินรวมหลังหักภาษีและเงินสำรองตามกฎหมาย อย่างไรก็ตามการจ่ายเงินปันผลดังกล่าวจะขึ้นอยู่กับแผนการลงทุน และการขยายธุรกิจของบริษัทฯ รวมทั้งความจำเป็นและความเหมาะสมอื่นๆ ในอนาคต


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ