ทั้งนี้ แผนการเปิดโครงการใหม่ในปีนี้ เป็นโครงการแนวราบ 6 โครงการ และโครงการแนวสูง 1 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 10,560 ล้านบาท ในช่วงครึ่งปีแรกได้เปิดโครงการบ้านพักตากอากาศ “โครงการ บูเลอวาร์ด ทัสคานี ชะอำ- หัวหิน" มูลค่าโครงการ 1,800 ล้านบาท เป็นโครงการระดับพรีเมียม บ้านเดี่ยวติดทะเล ที่พัฒนาขึ้นภายใต้แรงบันดาลใจของบรรยากาศแบบแคว้นทัสคานี ประเทศอิตาลี ทุกพื้นที่ความสุขเกิดขึ้นท่ามกลางบรรยากาศ และทัศนียภาพอันสวยงามบนเนินเล่นระดับห้อมล้อมด้วยสถาปัตยกรรมที่ได้รับแรงบันดาลใจจาก 4 เมือง แห่งแคว้นทัสคานี ในระดับราคา 7-40 ล้านบาท
"จากการเปิดเยี่ยมชมในกลุ่มลูกค้าวีไอพีนั้นได้รับผลตอบรับดีเกินคาดจนบ้านสร้างเสร็จไม่พอขาย ซึ่งปัจจุบันมียอดขายแล้วประมาณ 200 ล้านบาท โดยจะเริ่มทำการโอนได้ตั้งแต่เดือนมิ.ย.เป็นต้นไป เพื่อให้ลูกบ้านสามารถพักผ่อนในช่วงวันหยุด"นายณัฐพงศ์ กล่าว
ถึงแม้ในช่วงสองเดือนแรกผู้บริโภคจะมีการชะลอการตัดสินใจซื้อ ตามภาวะการณ์ตลาดอสังหาริมทรัพย์อันมีผลกระทบจากปัจจัยด้านเศรษฐกิจและการเมือง แต่ตั้งแต่เดือนมี.ค.57 เป็นต้นมาพบว่า สถิติแนวโน้มยอดจำนวนผู้เข้าเยี่ยมชมโครงการ และ ยอดจองเริ่มกลับเข้ามาใกล้เคียงกับสภาวะปกติ บริษัทจึงเชื่อมั่นว่ายอดขาย และ รายได้ของบริษัทในไตรมาส 2 จะเติบโตสูงขึ้นกว่าไตรมาส 1 และแนวโน้มรายได้ของบริษัทในครึ่งปีหลังจะสูงกว่าครึ่งปีแรก ตามการทยอยรับรู้รายได้จากโครงการ เดอะเครสท์ ซานโตรา หัวหิน , โครงการเซ็นทริค ติวานนท์ สเตชั่น, โครงการเซ็นทริค สาทร-เซ็นหลุยส์ สเตชั่น และโครงการแชมเบอร์ส รามอินทรา ซึ่งการก่อสร้างจะทยอยแล้วเสร็จ พร้อมโอนกรรมสิทธิ์ให้กับลูกค้า ตั้งแต่เดือน พ.ค.เป็นต้นไป
นอกจากนี้ในระหว่างวันที่ 19-25 พ.ค.นี้ บริษัทฯ ยังได้จัดกิจกรรมส่งเสริมการขายที่เป็นแคมเปญพิเศษของปี คือ “SC DAY 1 ปีมีครั้งเดียว" ด้วยข้อเสนอ “7 วันนี้ มาซื้อบ้านได้เงินกลับบ้าน รับ Cash Back สูงสุด 7 ล้านบาท" (ภายใต้เงื่อนไขที่บริษัทกำหนด)กับโครงการแนวราบแนวสูงรวม 26 โครงการ
บริษัทยังคงเป้ารายได้ทั้งปีที่ 1.2 หมื่นล้านบาท หรือเติบโต 20% จากปีก่อนที่มีรายได้ราว 1 หมื่นล้านบาท ปัจจุบัน บริษัทมียอดขายรอโอน(Backlog) ประมาณ 1.2 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะรับรู้เข้ามาเป็นรายได้ในปีนี้ราว 40% โดยจากไตรมาส 2 เป็นต้นไป บริษัท มีแนวโน้มการเติบโตในระดับที่ดี จากการโอนโครงการคอนโดมิเนียมพร้อมเข้าอยู่ 4 โครงการด้วยกัน ได้แก่ โครงการเดอะเครสท์ ซานโตรา หัวหิน , โครงการเซ็นทริค สาทร-เซ็นหลุยส์ , โครงการ เซ็นทริค ติวานนท์ สเตชั่น และโครงการแชมเบอร์ส รามอินทรา จึงเชื่อว่ารายได้ทั้งปีคาดว่าจะเป็นไปตามเป้าหมาย
สำหรับผลประกอบการในช่วงไตรมาส 1/57 ว่า บริษัทฯ มียอดขาย 1,171 ล้านบาท มีรายได้รวม 1,561 ล้านบาท โดยเป็นรายได้จากการดำเนินงาน 1,557 ล้านบาท รายได้หลักมาจากการขายโครงการที่อยู่อาศัย 1,349 ล้านบาท และรายได้จากอาคารสำนักงานให้เช่า 208 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 89 ล้านบาท สัดส่วน ระหว่างหนี้สินต่อทุน D/E ณ 31 มี.ค.57 เท่ากับ 1.67 เท่า นอกจากนี้ที่ประชุมผุ้ถือหุ้นมีมติจ่ายเงินปันผลในอัตราหุ้นละ 0.12 บาท/หุ้น ในวันที่ 21 พ.ค.57