ทั้งนี้ บริษัทมีทุนจดทะเบียน 1,000 ล้านบาท มีแผนจะเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทันจำนวน 250 ล้านหุ้นแก่นักลงทุนทั่วไปและนักลงทุนสถาบัน หรือคิดเป็นสัดส่วน 25% ของทุนจดทะเบียนทั้งหมด โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อระดมทุนราว 1,800 ล้านบาทในการขยายกิจการและขยายกำลังการผลิต โดยปัจจุบันบริษัทฯมีกำลังการผลิตเครื่องดื่มบำรุงกำลังราว 600 ล้านขวด/ปี รวมถึงจะนำไปใช้ในการชำระหนี้ของสถาบันการเงินต่างๆ
อย่างไรก็ตาม บริษัทมั่นใจจะได้รับความสนใจแก่นักลงทุนเนื่องจากคาราบาวแดงและสตาร์ท พลัส ซิงค์ เป็นเครื่องดื่มที่ได้รับความนิยมอย่างดี โดยบริษัทมีสถานะเป็นบริษัทโฮลดิ้ง (Holding company) ซึ่งมีบริษัทย่อย 3 บริษัท ได้แก่ บริษัท คาราบาวตะวันแดง จำกัด, บริษัท ตะวันแดง ดีซีเอ็ม จำกัด และ บริษัท เอเชีย แปซิฟิก กลาส จำกัด
บริษัทตั้งเป้าหมายรายได้ในปี 57 เติบโตราว 15-20% หรือ 8,000 ล้านบาท จากปีก่อนทำรายได้ราว 7,000 ล้านบาท และคาดว่ากำไรจะเติบโตมาเป็น 1,000 ล้านบาท จากปีก่อนอยู่ที่ 600 ล้านบาท เนื่องจากเครื่องดื่มคาราวบาวแดงทำยอดขายได้ดีต่อเนื่อง และล่าสุดวางตลาดเครื่องดื่มสตาร์ท พลัส ซิงค์ ที่เป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ โดยปีนี้ตั้งเป้ายอดขายผลิตภัณฑ์ดังกล่าว 5 ล้านขวด/เดือน
สำหรับผลิตภัณฑ์ สตาร์ พลัส ซิงค์ จะเจาะกลุ่มผู้บริโภคที่ทำงานกลางแดด นักกีฬา และกลุ่มคนที่ออกกำลังกายได้มีการทางเลือกใหม่ที่การเลือกเครื่องดื่มที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย โดย 1 ขวดจะมีแร่ธาตุสังกะสี(Zinc) เทียบเท่า 40% ของปริมาณที่ร่างกายต้องการในแต่ละวัน คุณประโยชน์หลัก คือช่วยเสริมสร้างการเจริญเติบโตให้กับร่างกาย ช่วยทำให้ผิวพรราณดี มีน้ำมีนวล ทำให้อ่อนวัย รักษาสิว และเรื่องเพศ
นายเสถียร กล่าวว่า บริษัทมั่นใจว่าเครื่องดื่ม สตาร์ พลัส ซิงค์ จะสร้างความตื่นตัวให้แก่ตลาดเครื่องดื่มเกลือแร่ โดยในปี 56 มีมูลค่าการตลาดรวมประมาณ 6 พันล้านบาท ซึ่ง สตาร์ พลัส ซิงค์ ตั้งเป้าครองส่วนแบ่งการตลาดในปีแรกประมาณ 10%